เสื้อแดงเสียงแตก ไร้ชื่อ "ชาญชัย คำจำปา" ลง ส.ส. เขต 4 นครพนม ในนามเพื่อไทย

24 มกราคม 2566 ที่ จ.นครพนม บรรยากาศความเคลื่อนไหวทางการเมือง เริ่มระอุขึ้นเรื่อย ๆ  หลัง "สัญญาณการเลือกตั้ง 66" เริ่มชัดเจน 3 พรรคการเมืองใหญ่ ที่มีฐานคะแนนนิยมในพื้นที่ ได้แก่ พรรคเพื่อไทย , พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ เริ่มเคลื่อนไหว เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง

ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ คือ พรรคเพื่อไทย ที่มีฐานคะแนนนิยมสูงกว่าทุกพรรค โดยในการเลือกตั้ง เมื่อปี 62 ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยต้องเสียที่นั่ง ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ให้กับ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขต 1 นครพนม รักษาฐานเสียงไว้ได้เพียง 3 เขต คือ "ดร.มนพร เจริญศรี" แชมป์เก่า ในเขตเลือกตั้งที่ 2

"ดร.ไพจิต ศรีวรขาน" แชมป์เก่า 12 สมัย เขตเลือกตั้งที่ 3 และเขต 4 "นายชวลิต วิชยสุทธิ์" ที่ย้ายมาจากบัญชีรายชื่อ ลงสมัครเลือกตั้งแบบเขต แทน "นายชูกัน กุลวงษา" อดีต ส.ส. ที่ย้ายไปซบ "พรรคพลังประชารัฐ" 

และการเลือกตั้งปี 66 นี้ "พรรคเพื่อไทย" ยังเหมือนมวยเมาหมัด หลัง "นายศุภชัย โพธิ์สุ" เตรียมส่งลูกสาว "นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ" ชนะการเลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนม ล้มแชมป์เก่า "ดร.สมชอบ นิติพจน์" อดีตนายก อบจ.นครพนม ของพรรคเพื่อไทย

ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ "นายศุภชัย" มีความมั่นใจ กล้าจะขยายฐานทางการเมืองทั้ง 4 เขตเลือกตั้งนครพนม โดยประกาศตัว ย้ายไปลงเขตเลือกตั้งที่ 2 สู้กับ "ดร.มนพร เจริญศรี" ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 1 วางตัวภรรยา "นางพูนสุข โพธิ์สุ" ลงสู้แทน 

ส่วนในเขตเลือกตั้งที่ 3 นายศุภชัย ได้วางตัว "นายแพทย์ อลงกต มณีกาศ" อดีต ส.ส.นครพนม จากพรรคเพื่อแผ่นดิน และเคยสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ ที่ครั้งนี้มาซบพรรคภูมิใจไทย ลงชิงเก้าอี้ชนกับรุ่นใหญ่ "ดร.ไพจิต ศรีวรขาน" ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ นายแพทย์อลงกต เทหมดหน้าตัก ประกาศเอาอนาคตการเมืองเดิมพัน หากพ่ายแพ้การเลือกตั้ง จะขอวางมือทางการเมือง

ระส่ำไร้ชื่อแกนนำเสื้อแดงลง ส.ส.

ที่สำคัญเขตเลือกตั้งที่ 4 ที่ถือเป็นฐานที่มั่นของ คนเสื้อแดง ครอบครัวเพื่อไทย และมีฐานคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย แม้การเลือกตั้งปี 62 "นายชูกัน กุลวงษา" อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะย้ายไปลงในนามพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็พ่ายแพ่กระแสพรรคเพื่อไทย ทำให้ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่หันมาลงสมัครเขต เป็นผู้ชนะในเขตเลือกตั้งที่ 4 แบบถล่มทลาย

แต่ล่าสุดปี 66 พรรคเพื่อไทย ต้องระส่ำอีก เนื่องจาก "นายชวลิต" ย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทย ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องวางตัวผู้สมัครคนใหม่ และกลายเป็นกระแสดราม่า หลังเปิดเผยชื่อผู้สมัครคือ นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม น้องชายของ นายอรรถสิทธิ์ (คันคาย) ทรัพย์สิทธิ์ อดีต ส.ส.7 สมัย พรรคไทยรักไทย และสมาชิกบ้านเลขที่ 111 

ทั้งที่ก่อนนี้ เคยมีแคนดิเดตผู้สมัครตัวเต็ง คือ นายชาญชัย คำจำปา นายกเทศบาลตำบลพระซอง ที่ลงพื้นที่ สร้าง "ครอบครัวเพื่อไทย" มานานเกือบ 2 ปี จนมีสมาชิกครอบครัวเพื่อไทยมากอันดับต้น ๆ ของอีสาน นอกจากนี้ยังมี "ดร.สมชอบ นิติพจน์" อดีตนายก อบจ.นครพนม ที่เคยลงในนามสังกัดพรรคเพื่อไทย และมีฐานคะแนนนิยมมากพอสมควร ในเขตเลือกตั้งที่ 4 เพราะจากการทำงานการเมืองมายาวนาน กว่า 30 ปี และยังมีดีกรีเป็นแชมป์นายก อบจ.นครพนม สองสมัยซ้อน

จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 4 เสียงของพรรคเพื่อไทยจึงแตก ทั้งฐานคะแนนส่วนหนึ่งเชื่อว่า จะไปสนับสนุน "นายชวลิต" ที่ย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทย และมีบางส่วนหันไปสนับสนุน "นายชูกัน กุลวงษา" ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเป็นนักการเมืองคนสำคัญ เคยมีคะแนนนิยมส่วนตัวสูงในพื้นที่ และมีฐานคะแนนนิยมมายาวนาน

ที่สำคัญยังมีปัญหาเสียงแตก จากแกนนำครอบครัวเพื่อไทยบางส่วน ที่ไม่ยอมรับ "นายนพจน์ศกร" เพราะแกนนำครอบครัวเพื่อไทย ในพื้นที่เขต 4 ยืนยันว่า ทางผู้บริหารพรรคเพื่อไทย ไม่ผ่านกระบวนการสรรหาตามขั้นตอน และไม่ลงพื้นที่สอบถามความต้องการชาวบ้าน น่าจะมีการต่อสายตรงไปยังคนแดนไกล ทำให้ชาวบ้านขาดความศรัทธา จนมีการประกาศจุดยืน ที่จะสร้างพลังโหวตไม่เลือกคน แต่เลือกพรรค 

แกนนำเสื้อแดง เดินหน้าหนุนเพื่อไทย แม้ไร้ชื่อลง ส.ส.

นายชาญชัย คำจำปา หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เขต 4 นครพนม และแคนดิเดตคนสำคัญของผู้สมัคร กล่าวว่า ถึงแม้พรรคจะมีการประกาศตัวผู้สมัคร เขตเลือกตั้งที่ 4 ไปแล้ว แต่ยังลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ อ.นาแก อ.วังยาง และ อ.ปลาปาก อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับความเข้าใจ ไม่ให้กระทบความศรัทธา ระหว่างประชาชนกับพรรคเพื่อไทย

ยืนยันว่า จะให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นรัฐบาล และยังมีความพร้อม หากพรรคเพื่อไทยจะให้โอกาสในการลงสมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 4 เพราะมีความมั่นใจ ในฐานความนิยมของพรรค รวมถึงความเชื่อมั่นต่อชาวบ้านที่ลงพื้นที่นานเกือบ 2 ปี 

ส่วนปัญหาเสียงแตก ชาวบ้านบางคนจะไปเลือกเฉพาะพรรค และหันไปเลือก ส.ส.พรรคอื่น เพราะเป็นการเลือกตั้งแบบกาบัตร 2 ใบ ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิ์ของชาวบ้าน แต่พร้อมยืนหยัดต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย และไม่ขอขัดแย้งกับใคร ถึงแม้ตนจะไม่มีชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 4 นครพนม