พบรอยฉีกขาดใต้ถังน้ำมันรถตู้มรณะ คาดเชื้อเพลิงรั่วไหล จนลุกไหม้

จากกรณีรถตู้โดยสารประสบอุบัติเหตุเสียหลักพุ่งชนราวเหล็กกั้นทางเกาะกลางถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 100-99 บ้านมอจะบก ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา จนเกิดไฟลุกไหม้ท่วมรถตู้ทั้งคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอก 11 ราย และมีผู้รอดชีวิต 1 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• สลด! ย่างสด 11 ศพ รถตู้เสียหลักพุ่งตกร่องกลางถนนไฟลุกท่วมคัน รอด 1 (มีคลิป)
• เปิดคลิปรถตู้สยอง ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว เล่าวินาทีระทึก
• ลำเลียง 11 ศพ รถตู้ไฟไหม้ ส่งนิติเวช รพ.ตำรวจ ใช้เวลา 7 วันยืนยันอัตลักษณ์

24 มกราคม 2566 พ.ต.อ.ยงยศ พลเดช ผกก.สภ.สีคิ้ว เปิดเผยว่า ได้รับรายงานผลการตรวจสอบโดยสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระบุรถตู้คันเกิดเหตุ ใช้ระบบเชื้อเพลิงแก๊ส CNG ร่วมกับน้ำมันเบนซิน โดยถังแก็สจำนวน 3 ถัง รวมทั้งวาล์วที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวรถยังอยู่ในสภาพปกติไม่มีร่องรอยแตกร้าวแต่อย่างใด

แต่พบจุดที่มีร่องรอยความเสียหายชัดเจน คือบริเวณคานเหล็ก ซึ่งเกิดจากการชนกับตัวการ์ดเรล และใต้ถังน้ำมันเป็นรอยฉีกขาด น่าเชื่อว่าขณะรถตู้เสียหลักแล่นตกข้างทาง ตัวรถช่วงถังน้ำมันเสียดสีกับการ์ดเรลทำให้แก๊สโซฮอล์ 95 ไหลทะลักออกมาทำปฏิกิริยาเป็นประกายไฟ จนเกิดเกิดเพลิงไหม้ อย่างไรก็ตามเป็นเพียงการสันนิษฐานเบื้องต้น ต้องรอผลยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

11 ร่าง เหยื่อรถตู้มรณะชันสูตรเสร็จแล้ว

ด้าน พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา หนึ่งในแพทย์ชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตจาก อุบัติเหตุรถตู้ไฟไหม้คลอกเสียชีวิต 11 ศพ เปิดเผยว่า แพทย์นิติเวช 3 คน รวมทั้งตน ได้ทำการชันสูตรร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 11 คน เป็นผู้ใหญ่ 9 คน และเด็ก 2 คนตั้งแต่เวลา 09.00 น. วันนี้ จนเสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ที่ผ่านมา

ทำให้สามารถยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต ของทุกคน เกิดจากถูกความร้อนเผาไหม้ร่างกายอย่างรุนแรง จนเสียชีวิต ซึ่งตรงกับสภาพร่างกาย ซึ่งถูกไฟไหม้เกรียมเกือบ 100% ทุกร่าง สอดคล้องกับภาพจากคลิปเหตุการณ์ รถตู้ไฟไหม้ที่ทั้ง 11 ศพ นั่งโดยสารมา ทำให้สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้ดังกล่าว

เร่งพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล คาดใช้เวลา 2-3 วัน 

ส่วนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล แพทย์นิติเวช ได้เก็บตัวอย่างเลือด จากร่างของผู้เสียชีวิตทุกคนเพื่อสกัดดีเอ็นเอ ไปเปรียบเทียบกับครอบครัว และญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งหากเป็นญาติสายตรง เช่น พ่อ แม่ และลูก คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน จึงจะทราบผล ส่วนกรณีไม่ใช่ญาติสายตรง เช่น พี่น้อง จะต้องใช้ระยะเวลาในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลนานขึ้น

สำหรับในรายที่เลือดไม่สามารถนำมาสกัดดีเอ็นเอได้ เนื่องจากศพเสียหายหนัก แพทย์นิติเวช จะทำการเก็บชิ้นส่วนกระดูกอ่อน เพื่อนำมาสกัดดีเอ็นเอ เปรียบเทียบกับญาติอีกครั้ง อาจทำให้ ใช้เวลาในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลนานขึ้นได้เช่นกัน

พล.ต.ต.สุพิไชย เผยอีกว่า ศพเด็กชาย และเด็กหญิง รวม 2 ศพ เบื้องต้นศพมีรูปร่างแตกต่างจากผู้ใหญ่อย่างชัดเจน รวมทั้งมีเครื่องประดับบางชนิด ที่สามารถยืนยันเอกลักษณ์บุคคลได้แล้ว แต่เพื่อให้มั่นใจ จะทำการตรวจ ดีเอ็นเอ เปรียบเทียบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะพิจารณาส่งมอบคืนญาติไปประกอบพิธีทางศาสนา