สำนักพุทธเต้น บุกวัดสอบข้อเท็จจริง เจ้าอาวาสทำร้ายเณร ทั้งเตะ-กระทืบ

18 มกราคม 66 ที่ วัดศรีหนองหิน ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย นายประสงค์ ทองประ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย ได้เข้าสอบถาม พระสุพันธ์ รัตนะ มังคะโล เจ้าอาวาสวัดศรีหนองหิน กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความ

“เป็นพระเป็นเจ้าอาวาสอย่างดี พระมีสิทธิอบรมเณรได้ตามหน้าที่ และมีสิทธิลงโทษเณรได้ตามความเหมาะสม แต่นี้ทำร้ายร่างกายเณรเกินไปมั้ย บวชเรียนมานานแต่ยังขาดสติ มีหลายครั้งแล้วที่ได้ยิน แต่ไม่นึกว่าจะเจอกับตัว หลานผมโดน ผมไม่เอาไว้” พร้อมกับลงภาพเณร ที่ถูกทำร้ายมีแผลเป็นที่ใบหน้า

 

จากการสอบถาม พระสุพันธ์ รัตนะ มังคะโล เจ้าอาวาสวัดศรีหนองหิน ยอมรับว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวัดจริง ส่วนกระแสข่าวไม่รู้ว่า กระจายไปทางไหนบ้าง พร้อมยอมรับเสียในเรื่องที่เกิดขึ้น และสงสารเณร เพราะเณรเป็นเด็กดี อยู่ด้วยกันมากว่า 1 พรรษาแล้ว

แต่มาตอนหลังเณรได้เปลี่ยนแปลง ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด ไม่เคารพ พูดด้วยก็ไม่พูด เดินไปหาก็เดินหนี วันเกิดเหตุได้เดินไปหา และจับมือจะถามว่า เป็นอะไร มีปัญหาอะไร อาจารย์ทำอะไรไม่ดีตรงไหน พอถามเณรก็ร้องไห้ แต่ก็ได้พลั้งมือไปตีเณร และมือที่จับไว้เณรก็ดึง ทำให้ล้มลง จนศรีษะไปโขกกับสันโบสถ์ เนื่องจากวันนั้น ไปช่วยกันทำความสะอาดโบสถ์ เรื่องก็มีเท่านี้

ส่วนทางเณร กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ตนก็กำลังทำความสะอาดโบสถ์ ขณะทำงานตนก็ได้ถามพระอีกรูปว่า เสร็จยังครับ ในขณะนั้นเจ้าอาวาสกำลังเดินมา ตนไม่เห็นจึงจะลุกเดินไปอีกทางพอดี เจ้าอาวาสคงคิดว่า ตนเดินหลบหน้า สักพักท่านก็เดินมาหา และถามว่า ทำไมไม่ชอบขี้หน้า จากนั้นก็ทั้งเตะทั้งต่อยทั้งกระทืบ ส่วนใบหน้าที่เป็นแผล เนื่องจากขูดกับพื้นปูน และอีกรอยเป็นรอยกระทืบ
 

นายประสงค์ ทองประ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย กล่าวว่า หลังทราบข่าวว่า เณรถูกพระตบตี ก็ได้ลงพื้นที่วัดศรีหนองหิน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง มีเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ทีมงานของคณะสงฆ์ไปด้วย และขอเข้าพบอาจารย์ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเมื่อสอบถาม เจ้าอาวาสวัดศรีหนองหิน ก็ยอมรับว่า เหตุเกิดขึ้นดังกล่าวเป็นความจริง สำหรับสามเณรคนนี้ ประพฤติดีมาตลอด 

ส่วนเรื่องการดำเนินการนั้น ในทางกฎหมาย หากเณรและญาติไปแจ้งความ ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินการ ส่วนเรื่องวินัยสงฆ์ ได้มอบให้กับพระคุณเจ้า เจ้าคณะปกครองสงฆ์แล้ว เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ก็รับว่า จะไปดูข้อกฎหมายของคณะสงฆ์ หรือพระวินัยว่า โทษแค่ไหน หากโทษหนัก ก็ให้ลงโทษไปตามนั้น

แต่ถ้าดูจากเหตุการณ์แล้ว โทษทางวินัยสงฆ์นั้น ก็ไม่หนักหนา เป็นโทษที่สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้ เพราะท่านก็ยอมรับว่ากระทำผิดทางวินัย โทษคงไม่หนัก คงลงทัณฑ์บนไว้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ต่อไป 
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ ยายของเณรเมื่อทราบเหตุการณ์ และพบแผลรอยช้ำบนใบหน้า ก็ไม่พอใจ จึงได้เดินทางแจ้งความ ดำเนินคดีเจ้าอาวาส ข้อหาทำร้ายร่างกาย