31 ธันวาคม 2565 ที่ จ.ภูเก็ต นายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ และกรรมการปฎิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ในฐานะศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์และนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสยาม เข้าพบ พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สมมาตย์ พนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้พิจารณาดำเนินคดีอาญากับ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ในความผิดฐาน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือแค่บางส่วนหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชนและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง และข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
นายสงกาญ์ กล่าวว่า การเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายสุทธิพงษ์ ได้กล่าวในที่ประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย แล้วกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชา ดังปรากฏตามคลิปซึ่งมีการแชร์ผ่านสื่อออนไลน์
และมีข้อความบางช่วงบางตอน แสดงถึงคำพูดที่มีการด้อยค่าสถาบันการศึกษา ของข้าราชการท่านหนึ่ง อันเป็นการบิดเบือนโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้าราชการ และทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่า ผู้ใดจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนั้น ไม่มีคุณค่าหรือไม่มีคุณภาพ ทำให้ขาดความเชื่อมั่น หรือการยอมรับจากบุคคล หรือนิติบุคคลหรือหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน อันเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายต่อส่วนตัวและมหาวิทยาลัย
“จากคำพูดของปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้น ถือเป็นการด้อยค่าผู้ใต้บังคับบัญชา และเป็นคำพูดที่เจ็บปวด เปรียบดังสำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล ดังหน้าหน้าที่สำคัญที่สุด ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ จะต้องตั้งกรรมการสอบวินัย เพราะปล่อยให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทำกับลูกน้องได้อย่างไร ด้วยเป็นการประชุมผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดาไทยทุกจังหวัด ถือเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตน คือ การด้อยค่ามหาวิทยาลัยสยาม ซึ่งตนเป็นศิษย์เก่าและนายกสมาคมศิษย์เก่า จึงยอมไม่ได้ บางคนร้องไห้ บางคนบอกว่าเวลาที่ไปสมัครจะรู้สึกอย่างไร และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยฯ มีจำนวนนับพันนับหมื่นคน จะรู้สึกอย่างไร
เรื่องนี้ค่อนข้างร้ายแรงและการแค่ออกมาขอโทษน้อยไป สปิริตต้องมี แม้กระทั่งควายจะไปดูถูกได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ควายมีประโยชน์ต่อคน เปรียบเทียบว่าควายโง่ คงไม่ใช่ อดีตเรามีควายลากเกวียนให้มีข้าวกิน ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย และนายกรัฐมนตรีจะอยู่เฉยไม่ได้ จะปล่อยให้คนเช่นนี้ทำหน้าที่ต่อไปหรือ”
นายสงกาญ์ กล่าวด้วยว่า ตนมีหมาอยู่ที่บ้าน 1 ตัว เดิมตั้งใจจะซื้อตะกร้อไปเป็นของขวัญให้ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่า จะต้องซื้อให้ใครดี ท่านด้อยค่าลูกน้องตัวเอง และพาดพิงสถาบันการศึกษาได้อย่างไร และเมื่อกลับไปกรุงเทพ ก็จะจัดชุดใหญ่ให้ เพราะเรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ กรรมการสิทธิมนุษยชนต้องออกมา เมื่อมีการร้องทุกข์กล่าวโทษความผิดทางอาญาแล้ว ต้องมีการตั้งกรรมการสอบวินัยด้วย แต่ต้องพ้นจากตำแหน่งก่อน จึงขอให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ควรทำการโยกย้ายไปก่อนเป็นลำดับแรก
ข่าว : สาลินี ปราบ จ.ภูเก็ต