svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

นักเรียนลุกฮือ เดินขบวนขับไล่ ผอ.-รอง ผอ. แฉ บริหารงานล้มเหลว ส่อทุจริต

29 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นักเรียนมัธยมในอ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ถือป้ายประท้วงติดใบปลิว ขับไล่ ผอ-รอง ผอ. ออกจากพื้นที่ เหตุบริหารงานล้มเหลว ส่อทุจริต พร้อมยื่น 14 ข้อเรียกร้องให้ สพม.29 พิจารณา

29 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ถือป้ายประท้วงและติดใบปลิว ขับไล่ผู้อำนวยการโรงเรียน และรองผู้อำนวยการโรงเรียน โดยให้เหตุผลว่า มีการบริหารงานล้มเหลว โรงเรียนไม่มีพัฒนา และสัปดาห์หน้ากลุ่มนักเรียนได้นัดเดินขบวนอีกครั้ง หากไม่มีการย้ายผู้อำนวยการฯ และรองผู้อำนวยการฯ ออกไป
นักเรียนลุกฮือ เดินขบวนขับไล่ ผอ.-รอง ผอ. แฉ บริหารงานล้มเหลว ส่อทุจริต

นักเรียนลุกฮือ เดินขบวนขับไล่ ผอ.-รอง ผอ. แฉ บริหารงานล้มเหลว ส่อทุจริต
ตัวแทนนักเรียนชั้น ม.5 กล่าวว่า การที่นักเรียนออกมาประท้วงขับไล่ เนื่องจากผอ.โรงเรียน ไม่มีศักยภาพพอที่จะบริหารงานโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษแบบนี้ ให้รองผู้อำนวยการเป็นคนรักษาการแทนทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่ ผอ.ก็มาทำงาน นอกจากนี้ยังทำโครงการต่างๆ ไม่ผ่านเจ้าหน้าที่พัสดุ ดำเนินการเอง จ้างคนนอกเข้ามาทำงานอะไรเลย แม้กระทั่งตัดต้นไม้หวงห้ามก็ยังไม่ขออนุญาตจากทางอำเภอ ทำงานไม่โปร่งใส ไม่มีการพัฒนา นักเรียนจึงอยากให้ ผอ.ย้ายออกไป อยากให้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 29 (สพม.29)ได้เข้ามาตรวจสอบและย้าย ผอ.ออกไป

นักเรียนลุกฮือ เดินขบวนขับไล่ ผอ.-รอง ผอ. แฉ บริหารงานล้มเหลว ส่อทุจริต

สำหรับบรรยากาศภายในโรงเรียนขณะที่นักเรียนทำการประท้วงนั้นไม่มีฝ่ายบริหารของโรงเรียน โดยเฉพาะผู้อำนวยการโรงเรียน ที่มาทำงานแต่เก็บตัวเงียบในห้อง ไม่ยอมเดินทางมาพบเด็กเพื่อทำความเข้าใจหรือชี้แจงแต่อย่างใด

นักเรียนลุกฮือ เดินขบวนขับไล่ ผอ.-รอง ผอ. แฉ บริหารงานล้มเหลว ส่อทุจริต

ต่อมา นายโกสินทร์ บุญมาก รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 29 (สพม.29) พร้อมนิติกร เดินทางมารับข้อเรียกร้องของตัวแทนนักเรียน 14 ข้อ ซึ่งเบื้องต้นกล่าวกับตัวแทนนักเรียนว่าจะนำข้อเรียกร้องของนักเรียนเสนอไปยัง ผอ.สพม.29 ได้พิจารณาสั่งการต่อไป

นักเรียนลุกฮือ เดินขบวนขับไล่ ผอ.-รอง ผอ. แฉ บริหารงานล้มเหลว ส่อทุจริต

ทั้งนี้สำหรับข้อเรียกร้องที่ตัวแทนนักเรียนยื่นเรียกร้องให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ 29 (สพม.29) ตรวจสอบ จำนวน 14 ข้อ ดังนี้

1.เรื่องการตัดตันไม้ในบริเวณโรงเรียน ผู้อำนวยการสั่งการให้ งานอาคารสถานที่ ตัดตันไม้ในบริเวณโรงเรียน โดยอ้างว่าได้ขออนุญาตจากคณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อทำถนนโดย ตัดต้นมะขามเทศ แต่ในความเป็นจริง ได้ตัดต้นไม้หลายต้นในบริเวณโรงเรียน ซ้ำยังตัดต้นไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ คือ ต้นประดู่และต้นสักทองรวมอยู่ด้วย บริเวณทางเข้าประตู-บริเวณข้างหอประชุม บริเวณข้างสนามฟุตบอล บริเวณหลังอาคาร4 ซึ่งเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมในบริเวณสถานที่ราชการ ทำลายความร่มรื่นทีนักเรียนใช้เป็นที่นั่งเล่น

2.เรื่องเปลี่ยนสีโรงเรียน ได้รับคำตอบว่ายังไม่ได้ดำเนินการ และอ้างว่าได้สอบถามผู้อำนวยการคนเดิมและคุณครูเก่าว่า สีที่แท้จริงของโรงเรียนเป็นสีแดงเลือดนก จึงต้องการเปลี่ยนสีตามที่สอบถามจากครูผู้อาวุโสโรงเรียน ตั้งมา 56 ปี มีศิษย์รุ่นก่อน ๆ บอกว่า สีที่ใช้คือสีแดงเลือดหมูไม่ใช่สีแดงสดเหมือนสีแดงเลือดนก ผู้อำนวยการฯ มาอยู่ไม่กี่ปีจะเปลี่ยนสีโรงเรียนตามอำเภอใจและมีการสั่งตัดธงสีมาแล้วแต่ยังไม่ได้นำมาใช้เพราะนักเรียนร้องเรียน

3.เรื่องค่าแรงการติดตั้งเครื่องเสียงในโดมอเนกประสงค์ แพงเกินความเป็นจริง โรงเรียนอ้างว่าทำเรื่องประมาณการแต่ยังไม่ได้เบิก ความเป็นจริงงานอาคารสถานที่ ขออนุมัติค่าแรงติดตั้ง 93,900 บาทผู้อำนวยการ อนุมัติเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 แต่พวกเราเรียกร้องให้ตรวจสอบก็เปลี่ยนแปลงราคาใหม่ ขอเบิก 69,000 บาท เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 ซึ่งอนุมัติโดย รองผู้อำนวยการโรงเรียน ถ้าพวกเราไม่เรียกร้องให้ตรวจสอบ เงินส่วนต่าง จำนวน 24,600 บาท จะไปอยู่ที่ใคร

4.เรื่องการเทคอนกรีต บริเวณทางเข้าประตู1 บริเวณข้างโดมหน้าอาคารอุตสาหกรรม โดยอ้างว่าได้ขออนุมัติจากกรรมการสถานศึกษา โดยใช้งบเหลือจ่ายจากปี 2565 แต่การเทคอนกรีต ดังกล่าวไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างอนุมัติ แต่ไม่มีโครงการรองรับการเท ก็เรียกผู้รับเหมามาเทโดยไม่มีการประมาณการ ไม่มีการกำหนดขนาดเหล็ก ที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่การเงินพัสดุ ไม่ทำเรื่องเบิกจ่ายให้ แล้วผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการนายชัยวัฒน์ แสงทอง บอกว่าจะให้ทำเรื่องบริจาค จากบุคคลภายนอก แต่ความเป็นจริงงานเสร็จนานแล้วแต่ยังไม่มีการเบิกจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น 

5.เรื่องโครงการจากกลุ่มสาระฯ ต่าง ๆ อ้างว่าผู้บริหารมีอำนาจในการตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ความเป็นจริงผู้อำนวยการใช้ปากกาขีดเขียนให้แก้ไขเอกสาร โครงการ ทั้งวิสัยทัศน์ สพฐ. รวมทั้งข้อความต่าง ๆ จนเกิดความล่าช้า และไม่ได้รับการจัดสรรโดยไม่อนุมัติให้ดำเนินการหลายโครงการ เช่น โครงการไม้ไอศรีม ไม่เนชอบวิทยากร ที่ผู้รับผิดชอบโครงการจัดหามา

6.เรื่องเบิกเงินสดไปใช้ส่วนตัว ได้รับคำตอบคือโรงเรียนมีเงินสวัสดิการที่เบิกใช้ในกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน ความจริงเบิกเป็นเงินสด 10,000 บาท เพื่อใช้รับรองผู้บริหาร แต่มีผู้บริหารไม่กี่คนที่ไปกินข้าวที่ร้านลาบสุรวิทย์ ข้างสะพานลอย บขส. ไม่ได้ไปที่โรงเรียนน้ำยืนวิทยา ตามคำกล่าวอ้าง 

7.เรื่องเตรียมจัดซื้อรถตู้ คำตอบคือยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อ ข้อแย้งคือ ขออนุมัติกรรมการสถานศึกษาไว้แล้ว ว่าเงินที่จะได้จากการประมูลสหกรณ์แต่อย่างไรเงินทีได้จะต้องนำมาใช้ตามระเบียบการเงินพัสดุ ไม่ใช่ขออนุมัติจากกรรมการสถานศึกษาอย่างเดียว 

8.เรื่องย้ายพุทธสถาน แจ้งว่าคณะกรรมการสถานศึกษาอนุมัติแล้ว ความจริง ในการประชุมประจำเดือนครูและบุคลากรได้มีการอภิปรายคัดค้าน แต่ผู้อำนวยการไม่ฟังและยังเตรียมการ ขนดินมากองเตรียมดำเนินการแล้ว เมื่อนักเรียนร้องเรียนก็เลยไม่ดำเนินการ

9.เรื่องเงินรายได้จากการประมูล สหกรณ์ร้านค้าและการประมูลแม่ค้าในโรงอาหาร แจ้งว่า เอาเงินเข้าบัญชีรายได้โรงเรียน แต่ความเป็นจริง ไม่ได้เอาเงินเข้าระบบ ปี 2563 - 2564 ประมูลสหกรณ์ร้านค้า ปีละ 1,400,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,800,000 บาท ปี 2563 ได้รับเงินจากการประมูลร้านค้าในโรงอาหาร เป็นเงิน 1,201,009 บาท ปี 2564 ได้รับเงินจากการประมูลร้านค้าในโรงอาหาร 200,000 บาท ปี 2565 ได้รับเงินจากการประมูลร้านค้าในโรงอาหาร 800,000 บาทเงินจำนวน ดังกล่าวเป็นรายได้สถานศึกษา ต้องนำมาใช้ในงาน โครงการต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้าง ปี 2560 แต่ผู้อำนวยการ ไม่ได้เอาเข้าระบบ แต่กลับเอาเก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัวโดยเบิก ให้รองผู้อำนวยการ งานอาคารสถานที่ขอเบิก แต่นำมาใช้ส่วนตัว ดังเช่น กรณี เลี้ยงรับรองคณะผู้บริหารประชุมที่โรงเรียนน้ำยืนวิทยา

10.เรื่องเก็บเงินค่าจ้างครูชาวต่างชาติ แจ้งว่า โรงเรียนได้จ้างแล้ว ความจริงแล้วเงินค่าจ้างครูต่างชาติเก็บทุกเทอม เทอมละ 400 บาท ปีการศึกษา 2563 และ ปีการศึกษา 2564ไม่ได้เรียน เพราะโรงเรียนจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เงินที่เก็บไปไหน และในปีการศึกษา 2565 ยังเก็บเหมือนเดิม 

11.เรื่องส่งสื่อลามกในกลุ่มไลน์ต่าง ๆ ได้รับคำตอบว่า อ้างว่าเป็นการกระทำโดยความพลั้งเผลอด้วยระบบโทรศัพท์ โดยไม่ได้ตั้งใจ ความเป็นจริง คือ ผู้อำนวยการไม่สามารถควบคุมตนเอง ส่งภาพลามก อนาจาร เข้ากลุ่มไลน์ต่าง ๆ มีครูทักถามแต่ก็ไม่ได้ลบ และกลุ่ม คพพ.เดชอุดม อุบล (350) ซึ่งมีสมาชิกเป็นครูและนักเรียนโรงเรียนอื่นในจังหวัดอุบลราชธานี 

12.เรื่องเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารโรงเรียน อ้างว่ารองผู้อำนวยการที่เปลี่ยนไม่มีความสามารถในการทำงาน และไม่ถูกกับนักการภารโรง เกรงว่าจะเกิดปัญหา โครงสร้างบริหารโรงเรียน ได้ทำตามสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญ การที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างงานโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดความเสียหาย เช่น การอนุมัติติดตั้งเครื่องเสียง รองผู้อำนวยการ ก็ลงนาม อนุมัติเอง

13.เรื่องร้องเรียนรองผู้อำนวยการที่มีหนังสือร้องเรียนว่ามีการทุจริต แจ้งว่า ข้อร้องเรียน เป็นหนังสือจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีการลงชื่อ และเมื่อไม่นานมานี้ มีเพจ อุบลปลดแอก และเพจ ตอนไหนจะจบ ถ่ายรูปรองผู้อำนวยการและคณะ นั่งดื่มในสถานศึกษาและรอง ช. กับ นาย ว. ได้ไปแจ้งความเอาผิดนักเรียนที่ถ่ายรูป พวกเราสงสัยว่าผู้อำนวยการผู้มีอำนาจในโรงเรียน ไม่ยอมแต่งตั้งกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงที่มีการร้องเรียนใน 6 กรณี ดังกล่าวเพื่อความสง่างาม และรักษาชื่อเสียงโรงเรียนเดชอุดม เพราะข้อร้องเรียนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับบุคลากรในโรงเรียนเดชอุดม แม้จะผ่านระบบใด ๆ ก็ต้องมีการสืบหาข้อเท็จจริงให้ผู้ถูกร้องได้รับความเป็นธรรม แต่ผู้อำนวยการเพิกเฉย โดยไม่ตรวจสอบทีมตนเอง

14.เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้อง โดยอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของรองผู้อำนวยการโรงเรียน ได้แต่งตั้งคนที่อ้างว่าศิษย์เก่า แต่กลับเป็นคนที่มาค้าขายในอำเภอเดชอุดม และประธานคณะกรรมการสถานศึกษาก็เข้าข่ายผิดคุณสมบัติ เพราะท่านมีส่วนได้เสียกับทางโรงเรียน เช่น โรงเรียนได้ซื้อวัสดุ อุปกรณ์ โดยใช้เครดิต กับร้านค้าหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นเจ้าของร้าน และยังมาประมูลสหกรณ์ร้านค้าโรงเรียนแต่เอาชื่อคนอื่นมาประมูล แต่ท่านก็มานั่งขายของทุกวัน แต่ผู้อำนวยการ ไม่มีการตรวจสอบแต่อย่างใด

ข้าพเจ้าและคณะ จึงขอให้ท่านผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี อำนาจเจริญได้สอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และขอให้ย้ายผู้อำนวยการโรงเรียน และรองผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียในการสืบสวน เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อร้องเรียน

logoline