svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

คู่กรณียืนยัน"เจ้าสาวสายโหด"โหดจริง แฉถูกรุมทำร้ายจนสลบ ฟื้นมาลากไปตีซ้ำ

16 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แฉกลับ "เจ้าสาวสายโหด" คู่กรณีออกมาโต้ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ถูกฝ่ายเจ้าสาวรุมทำร้ายจนสลบ ฟื้นแล้วยังลากไปตีซ้ำ ขณะที่แม่ยกมือขอโทษทั้งน้ำตา ยอมรับไม่มีปัญญาชดใช้ 85,000 บาทตามที่เรียกร้องมา หากผิดจริงก็ขอติดคุก

16 พฤศจิกายน 2565 ความคืบหน้าโซเชียลมีเดีย TikTok แชร์คลิป "เจ้าสาวสายโหด" คว้าไมค์สั่งสอนนักเลงที่มีเรื่องกันในงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงาน จนวงดนตรีที่จ้างมาต้องหยุดเล่นทันที พร้อมจะเดินหน้าแจ้งความเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

คู่กรณียืนยัน"เจ้าสาวสายโหด"โหดจริง แฉถูกรุมทำร้ายจนสลบ ฟื้นมาลากไปตีซ้ำ


ล่าสุด "นายซัดดำ" ผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นคนสร้างความวุ่นวาย พร้อมครอบครัวญาติพี่น้อง ออกมายืนยันเหมือน "หนังคนละม้วน" ว่า ฝ่ายตัวเองไม่ได้เริ่มก่อน แต่เป็นฝ่ายพ่อเจ้าภาพมาผลักอกแล้วรุมทำร้ายจนสลบ มิหนำซ้ำฟื้นขึ้นมายังถูกลากไปตีอีก ขณะที่แม่ยกมือขอโทษทั้งน้ำตา เผยสาเหตุเพราะเจ้าภาพเข้าใจผิดว่าลูกชายชูนิ้วกลางด่า ส่วนเงินค่าวงดนตรีไม่มีจ่ายให้ ปล่อยเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 48 บ้านไคร่นุ่น หมู่ 3 ต.กุดขอนแก่น อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของนายซัดดำ คู่กรณีในคลิป "เจ้าสาวสายโหด" โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับนาย พงษ์สิทธิ์ จันทร์ลา อายุ 24 ปี ชื่อเล่นคือ มอส ฉายา "ซัดดำ" ซึ่งชาวบ้านเรียกมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นคนตัวใหญ่ผิวดำ พร้อมด้วยนาย ทองฤทธิ์ จันทร์ลา อายุ 57 ปี นางอำพร เจียงเพ็ง อายุ 53 ปี พ่อและแม่ของน้องมอส และญาติพี่น้องนั่งล้อมวงรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ พร้อมทั้งพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"ซัดดำ" เล่าเหตุการณ์เหมือน "หนังคนละม้วน" 

นายมอส หรือ ซัดดำ ที่ถูก "เจ้าสาวสายโหด" เรียกเงินจำนวน 85,000 บาท เป็นค่าจ้างวงดนตรีที่มาแสดงในงานแต่ง เพื่อรับผิดชอบตามที่ติดป้ายประกาศไว้หน้าเวที ถ้าใครไม่มีตังค์อย่าห้าว มีเรื่องในงานจะต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าจัดงานทั้งหมด ได้เปิดเสื้อให้ผู้สื่อข่าวดูร่องรอยบาดแผลฟกช้ำตามแขน ต้นคอ และใบหน้า 

นายมอส หรือ ซัดดำ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ร่องรอยบาดแผลเกิดจากทางเจ้าภาพรุมทำร้ายจนสลบ แล้วยังทำร้ายต่อเนื่องจนต้องวิ่งหนีกลับบ้านเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกับทางเจ้าภาพที่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นายมอส เป็นคนชกพ่อเจ้าสาว ก่อนจะเกิดความชุลมุนกันขึ้น จนการแสดงต้องยุติงานกลางคัน
 

แม่และพ่อของนายซัดดำ วอนขอความเห็นใจ จาก "เจ้าสาวสายโหด"

พร้อมกันนี้ได้นำเสื้อของน้องชายของ นายมอส ที่ไปร่วมงานด้วยมาให้ดู ซึ่งเสื้อดังกล่าวนายมอส และพ่อแม่บอกว่า น้องชายเข้าไปขอร้องทางเจ้าภาพและเข้าไปขวาง เพื่อกันไม่ให้นายมอส ถูกทำร้าย ทั้งกราบทั้งไหว้ทางเจ้าภาพจนเสื้อขาดสภาพเสื้อมีรอยรองเท้าเต็มไปหมด

นายมอส หรือ ซัดดำ เล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุนั้น ตนเองดื่มสุรากับน้องๆในหมู่บ้าน ยอมรับว่ามีอาการเมา ก่อนจะเข้าไปในงานประมาณทุ่มเศษๆ ก็ไปเต้นกับพี่น้องที่มาร่วมงานเช่นกัน แต่ถูกเจ้าภาพรุมทำร้ายจนสลบ จำอะไรไม่ค่อยได้ รู้ตัวอีกทีเหมือนถูกลากพอได้สติก็ถูกทำร้ายซ้ำอีก แล้วสลบรู้ตัวอีกทีมาฟื้นที่บ้านแล้ว

"ยืนยันว่าไม่ได้สร้างความวุ่นวายในงาน หรือทำร้ายใครเลย อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วย ส่วนเงินที่เรียกมาบอกว่าเป็นค่าวงดนตรี 85,000 บาท นั้นคงไม่มีเงินให้ ขอยอมติดคุก หากตัวเองทำผิด"

พ่อแม่ทำใจ ไม่มีเงินชดใช้ ยอมให้ลูกติดคุก

ขณะที่ พ่อและแม่ของนายมอส ต่างขอความเป็นธรรมกรณีที่เกิดขึ้นกับ "เจ้าสาวสายโหด" โดยแม่บอกถึงสาเหตุว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นพ่อแม่อยู่ที่บ้าน กระทั่งได้ยินเสียงประกาศว่ามีคนตีกัน แต่ก็ไม่ได้มีใครออกไปดู ก่อนที่เพื่อนๆจะพาลูกชายกลับบ้านและนอนหลับ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้สอบถามเพื่อนๆรวมทั้งลูกชายทราบว่า มอสเมาในงานแต่งอาจจะไปโดนข้าวของในงานทำให้เจ้าภาพไม่สบายใจ จนเกิดการทะเลาะกัน อาจจะเกิดจากการที่เจ้าภาพมาเตือนแต่เตือนอย่างเดียวตนเองก็ไม่ได้ติดใจ แต่กลับทำร้ายลูกชายตนเองจนได้รับบาดเจ็บ ไอเป็นเลือดด้วย

หลังเกิดเหตุได้พูดคุยกันเมื่อคืนที่ผ่านมาที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ทางฝ่ายเจ้าภาพต้องการให้ชดใช้ค่าจัดงานจำนวน 85,000 บาท ซึ่งเป็นค่าจ้างวงดนตรี ในส่วนนี้ก็คงต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของทางตำรวจ ให้กฎหมายตัดสิน หากลูกผิดจริงตำรวจก็สามารถจับลูกชายดำเนินคดีได้
 

"อยากจะขอความเป็นธรรม เพราะตนเองไม่มีเงินพาลูกชายไปหาหมอ จึงไม่มีหลักฐานพาเข้าแจ้งความเอาผิดกับทางเจ้าภาพได้ หากเจ้าภาพมีหลักฐานมีกล้องวงจรปิดก็เอามาเปิดให้ดูว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นยังไง"

แม่หลั่งน้ำตา ขอความเห็นใจ ไม่มีเงินชดใช้ หากผิดพร้อมติดคุก
ขณะที่แม่ของมอส เล่าอีกว่า ลูกชายหากดื่มสุราจะเสียสติ แต่ก็ไม่ได้กินทุกวัน ไม่ได้ไปไหน อยู่แต่บ้าน หาปลาช่วยพ่อแม่ แต่ช่วงนี้หาปลาไม่ได้จึงอยู่แต่ที่บ้าน สาเหตุนั้นตนเองได้ทราบจากแม่ค้าในงานที่รู้จักกัน ที่ลูกชายไปชนข้าวของล้ม ท้าตีลูกชายแม่ค้าแต่แม่ค้าไม่ติดใจเอาความเพราะรู้ว่าลูกชายเมาจึงห้ามเอาไว้ ก่อนที่ลูกชายจะเดินไปเต้นที่หน้าเวที ตามประสาวัยรุ่นพร้อมกับพี่น้องในที่ไปร่วมงานเช่นกัน 

ทั้งนี้ แม่ค้า เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่เกิดเหตุนั้น ลูกชายชูไม้ชูมือ ยกมือเข้าจังหวะเพลง ซึ่งเป็นเพลงคาราบาว และจะมีการทำมือในลักษณะเขาควาย แต่เจ้าภาพคิดว่าลูกชายชูนิ้วกลางด่า "ให้ของลับ" พ่อของเจ้าสาว จึงเข้าไปผลักลูกชายจนมีปากเสียงกันเกิดขึ้น ก่อนที่ลูกชายจะออกจากงานไป สักพักลูกชายอีกคนซึ่งเป็นน้องของมอสได้ยินเสียงโวยวายอยู่สนามตะกร้อ  จึงวิ่งไปดู และเห็นเป็นพี่ตัวเองจึงเข้าไปปกป้อง ทั้งกราบทั้งไหว้ขอร้องไม่ให้ทำร้ายพี่ ซึ่งลูกๆบอกว่าเป็นทางเจ้าภาพมารุมทำร้าย ก่อนที่ลูกชายคนโตจะถูกทำร้ายจนสลบ ส่วนน้องคนเล็กที่เข้าไปปกป้องพี่และกราบไหว้ขอร้องให้หยุดตีก็ถูกทำร้ายไปด้วย เสื้อขาดมีแต่รอยรองเท้าติดเต็มเสื้อ

ลูกคนเล็กบอกอีกว่า มอส เมาหนักยืนแทบจะไม่ไหว ซึ่งอยากจะฝากขอโทษพ่อเจ้าสาวและครอบครัวด้วย เพราะลูกชายเมาจนไม่รู้เรื่อง ในส่วนเรื่องเงินก็คงไม่มีเงินชดใช้ให้ตามที่เรียกเพราะฐานะทางบ้านก็ยากจนหาเช้ากินค่ำ ที่อยู่อาศัยก็เป็นที่สาธารณะประโยชน์ขออาศัยอยู่ทำกินมา 20 กว่าปีแล้ว คงต้องปล่อยเป็นเรื่องของกฎหมายให้ตำรวจดำเนินการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ตอนนี้ไม่สบายใจเงินที่เรียกเป็นจำนวนมากหาเงินให้ไม่ได้ก็คงต้องปล่อยให้ลูกติดคุกหากทำผิดจริง เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ลูกชายแม่เจ็บ ไอเป็นเลือด ยังจะให้เสียเงินค่าจ้างวงดนตรีอีก จะพาลูกไปหาหมอก็ไม่มีเงิน

คู่กรณียืนยัน"เจ้าสาวสายโหด"โหดจริง แฉถูกรุมทำร้ายจนสลบ ฟื้นมาลากไปตีซ้ำ

ข่าวและภาพ : พรพรรณ เพ็ชรแสน 
สำนักข่าวเนชั่น จ.ขอนแก่น

logoline