
4 พฤศจิกายน 2565 ความคืบหน้ากรณี นายพรเทพ ฉ่ำแก้ว อายุ 38 ปี พร้อมด้วย นางสาวชุลีพร นาคนาคา อายุ 25 ปี พานายเน็ก ลูกชาย อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านคูคต เข้าขอความช่วยเหลือกับทางเพจสายไหมต้องรอด หลังลูกชายถูกรุ่นพี่ต่างกลุ่ม ใช้ปืน และมีดจี้ไปให้เพื่อนกว่า 13 คน รุมซ้อม เข็มขัดรัดคอ บุหรี่จี้หน้า จนสลบ ไม่หนำใจน้ำสาดให้ฟื้น เพื่อรุมทำร้ายต่อ จนต้องแกล้งตายถึงรอดมาได้ หลังแจ้งความ สภ.คูคต ผ่านไป 3 วัน ยังจับใครไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ให้ข้อมูลผู้ก่อเหตุไปแล้ว โดยขณะนี้ตำรวจสามารถทยอยจับผู้ก่อเหตุได้แล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
๐ รวบแล้ว 8 โจ๋ แก๊งทรชน อุ้มหนุ่มวัย 16 ปี ไปให้เพื่อน 13 คน รุมทำร้ายปางตาย
๐ จับแล้ว 3 ทรชน อุ้มเด็ก 16 ปี ไปรุมซ้อมปางตาย เร่งล่าคนที่ยังหลบหนี
๐ เร่งล่าตัว 13 ทรชนอุ้มโจ๋ 16 ปี รุมทำร้ายร่างกายปางตาย (มีคลิป)
๐ 13 ทรชนโฉด อุ้มเด็ก 16 ทั้งชุดนักเรียน จับแก้ผ้าซ้อมทารุณ แกล้งตายถึงรอด
ล่าสุด ช่วงบ่ายวันนี้ ตำรวจ สภ.คูคต สามารถทยอยจับกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุได้แล้วทั้งหมด 12 คน มีทั้งผู้ใหญ่และเยาวชน อย่างไรก็ตามพบว่า ในกลุ่มผู้ต้องหามี 2 ราย ที่ไม่ได้ร่วมก่อเหตุทำร้าย "นายเน็ก" หนุ่มวัย 16 ปี แต่ถูกใช้พื้นที่บ้านเป็นสถานที่ในการก่อเหตุ โดยตำรวจก็ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ เพื่อแยกคนก่อเหตุ และขยายผลติดตามอาวุธเพิ่มเติม
ศาลอนุมัติหมายจับวัยรุ่นคูคต 7 ราย - แจ้งข้อหาเยาวชน 8 ราย
พ.ต.อ.มนัสเวท ทองอิ่ม ผกก.สภ.คูคต เผยว่า หลังจากสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องสงสัย ที่คุมตัวมาได้ในวันนี้ ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ ผู้ก่อเหตุมีทั้งหมด 15 ราย แบ่งเป็น ผู้ใหญ่ 7 ราย เยาวชน 8 ราย ซึ่งศาลจังหวัดธัญบุรี อนุมัติหมายจับทั้ง 7 ราย ตำรวจคุมตัวมาได้แล้ว 5 ราย ก่อนหน้านี้ และยังหลบหนีอยู่อีก 2 ราย คือ นายปรีชารัตน์ นิลละออ หรือ เค้า และนายกิตติธัช ศิวยานนท์ หรือ อั้น ซึ่งนายอั้น คือหนึ่งในหัวโจกกลุ่มวัดลาดสนุ่นด้วย ส่วนเยาวชนอีก 8 ราย คุมตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 7 ราย อีก 1 ราย ยังหลบหนี ซึ่งเบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาทั้งหมดฐาน ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น , ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่ผู้สื่อข่าวเนชั่น ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับญาติฝั่งผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บ ทราบว่า ก่อนหน้านี้วัยรุ่นในพื้นที่คูคต มีเหตุทะเลาะวิวาทกัน 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มต้นตาลของนายเน็กผู้เสียหาย และกลุ่มวัดลาดสนุ่นของผู้ก่อเหตุ โดยกลุ่มวัดลาดสนุ่นมีหัวโจก ก็คือ นายเก็ท นายเบน นายอั้น ซึ่งทราบมาว่า นายเก็ทและนายเบน คือสองคนที่ร่วมรุมทำร้ายนายเน็ก และถูกตำรวจควบคุมตัวไว้แล้ว
และยังมี นายแบงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ คือบริเวณเล้าไก่ แต่วันเกิดเหตุ นายแบงค์ไม่ได้อยู่ในที่บ้าน โดยแม่ของนายแบงค์ ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของการทะเลาะวิวาทของสองกลุ่ม วันเกิดเหตุ นายแบงค์ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่เหตุไปเกิดในพื้นที่บ้านของตัวเอง เมื่อมาถึงนายเน็กก็ถูกทำร้ายแล้ว นายแบงค์จึงตำหนิกลุ่มเพื่อนว่า พามาซ้อมอะไรบ้านกู เดือดร้อนกู เดือดร้อนแม่กู
ทั้งนี้แม่ของแบงค์ ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 กลุ่มเคยมาเคลียร์กันไปแล้วที่ สภ.คูคต นึกว่าจะจบ แต่ก็ไม่จบ ยังมีมาบีบแตร ด่ากราดหน้าบ้านตลอด
ขณะที่ แฟนสาวของนายแบงค์ เล่าว่า สองกลุ่มเคยเป็นเพื่อนกัน ก่อนทะเลาะและแยกกลุ่มกันไป แล้วก็มีปัญหากันมาตลอดเป็นปี ๆ เหตุวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่มีการนำนายเน็กมาทำร้ายนั้น คนที่นำนายเน็กมาเป็นรุ่นน้องที่รู้จักกัน ยืนยันว่า นายเน็กไม่ได้โดนอุ้มมา แต่ยอมมาเอง และวันเกิดเหตุ นายเน็กยังสวัสดีคนที่ทำร้ายอยู่เลย แต่พอคุยไปคุยมากลับมีเรื่องกัน
ส่วนนายเก็ทคนที่ก่อเหตุ ยอมรับว่า ได้เอาน้ำราดหน้านายเน็กจริง เพราะจะล้างเลือดให้ ไม่ได้ซ้อมจนหลับ และที่บอกว่า บังคับให้สูบกัญชา ก็ไม่เคยบังคับ นายเน็กสูบเอง พอมาเห็นข่าว แล้วรู้สึกว่ามันเกินไป ทั้งเรื่องแกล้งตาย ทั้งเรื่องอาวุธปืน
ทั้งนี้จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ มีลักษณะเป็นบ้านติด ๆ กัน ผู้คนละแวกนั้นรู้จักกันหมด หลังบ้านที่เกิดเหตุเป็นเล่าไก่ มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นนั่งกันอยู่ ซึ่งชาวบ้านระบุว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นมีการยิงกัน ปาขวด ปาระเบิด แทบทุกคืน จนนอนไม่หลับ รวมถึงมีเหตุตีกันบ่อยครั้ง
เปิดคลิป 2 กลุ่มวันรุ่นคูคตไล่ตีกัน
ทั้งนี้ก่อนที่จะเกิดคดนี้ขึ้น ชาวบ้านได้มีการถ่ายคลิปกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 2 กลุ่ม วิ่งไล่กันบริเวณริมคลองวัดลาดสนุ่น หลังบ้านที่เกิดเหตุเล้าไก่
ชมคลิปกลุ่มวัยรุ่นไล่ตีกัน
พ.ต.อ.มนัสเวท ทองอิ่ม ผกก.สภ.คูคต ระบุว่า แนวทางการป้องกันตอนนี้ แบ่งเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวนเพื่อจับกุมหลังเกิดเหตุ การป้องกันมีผลการจับกุมอย่างต่อเนื่อง ส่วนการระงับเหตุ มีระบุแผนการปฏิบัติงานไว้ชัดเจน อาจจะไม่ถูกใจบ้าง ช้าบ้าง เพราะเขตสายตรวจมีการแบ่งกำลังไว้ชัดเจน ในการปฏิบัติหน้าที่ และในพื้นที่จุดเสี่ยง มีการตั้งจุดปิดล้อมตรวจค้น แต่พอตำรวจเลิกตั้งด่าน ก็ใช้ช่วงนั้นก่อเหตุกัน โดยหลังจากนี้ก็จะหาทางปรับแผนเพื่อรับมือ