ฝนถล่ม ดอยอินทนนท์ น้ำป่าเชี่ยวหลาก เตือนปชช.เก็บของขึ้นที่สูง (มีคลิป)

25 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เมื่อช่วงเช้ามืดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ในช่วงเช้าวันนี้ได้มีการแชร์โพสต์เฟซบุ๊ก ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “ลุงหนวด ดอยอินทนนท์” โดยมีข้อความว่า “เช้านี่น้ำตกแม่กลาง” พร้อมทั้งโพสต์คลิปวิดีโอและภาพนิ่ง ของน้ำที่หลากลงมาบริเวณน้ำตกแม่กลาง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยน้ำที่ไหลหลากลงมามีสีขุ่นแดง และไหลแรงมาก น้ำมีสีขุ่นเข้มไหลแรงเชียวกราด และไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่าง บริเวณที่มีร้านค้าและร้านอาหาร ตั้งเรียงรายอยู่ เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว ทำให้ร้านค้าบางส่วนได้รับความเสียหายจากน้ำป่าที่ไหลหลากลงมา เจ้าหน้าที่ของอุทยานฯต้องเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวัง ไม่ควรลงเล่นน้ำ

ขณะที่บริเวณ บ้านขุนกลาง ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณกิโลเมตรที่ 31 บนดอยอินทนนท์ได้มีปริมาณฝนตกหนักถึง 50 มิลลิเมตร ทำให้น้ำจากบนดอยจะไหล รวมกับลำน้ำแม่กลาง ผ่านที่ลุ่มริมน้ำ ไหลลงแม่น้ำปิง ที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ทำให้ปริมาณน้ำจะเยอะกว่าปกติ ซึ่งชาวบ้านที่อยู่พื้นที่ลุ่มน้ำได้มีการประกาศเก็บของยกขึ้นที่สูง เนื่องจากครั้งนี้มีน้ำป่าพัดลงมามากกว่าครั้งที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ระบุปริมาณน้ำฝน วันที่ 25 กันยายน 2565 บริเวณยอดดอยวัดได้ 21 มิลลิเมตร, กิ่วแม่ปาน วัดได้ 17 มิลลิเมตร, น้ำตกแม่กลางวัดได้ 32 มิลลิเมตร ส่วนสถิตินักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในพื้นที่ 1,698 คน อุณหภูมิยอดดอยวัดได้ 10 องศาเซลเซียส

ขณะที่สภาพอากาศในช่วงเช้าวันนี้ฝนในพื้นที่ดอยอินทนนท์หยุดตกแล้ว แต่ท้องฟ้ายังมึดครึ้ม โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาสามารถวัดปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ เช่นที่บริเวณยอดดอยอินทนนท์ วัดได้ 40 มิลลิเมตร บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 29 มิลลิเมตร น้ำตกแม่กลาง 60 มิลลิเมตร และสูงสุดที่บริเวณหน่วยจัดการต้นน้ำแม่กลาง 60 มิลลิเมตร

อย่างไรก็ตามได้มีการสั่งปิดน้ำตกในเขตพื้นที่ดอยอินทนน์เนื่องจากฝนตกหนักมากมีมวนน้ำป่าขนาดใหญ่กำลังไหลหลากอย่างรุนแรงเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเมื่อสถานการณ์น้ำกลับมาเป็นปกติ

ล่าสุดเมื่อเวลา 9.00 น. วันนี้ (25 ก.ย.) เจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ และเทศบาลนครเชียงใหม่ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบบริเวณประตูช้างเผือก ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็น1 ใน 4 ประตูเมืองเชียงใหม่ ที่มีอายุกว่า 700 ปี พังถล่ม เป็นแนวยาว กว่า 30 เมตร หลังฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้กำแพงอุ้มน้ำเมื่อเวลา 8.30 น. โดยกำแพงที่ถล่มนั้นเป็นแนวกำแพงชั้นนอกที่สร้างขึ้นเพื่อคลอบกำแพงเดิมชั้นใน ในช่วงประมาณปี 2500

นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถานสำนักศิลปกรที่ 7 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ประตูช้างเผือกได้ก่อสร้างประมาณประมาณ 65 ปีแล้ว  ปีตั้งแต่ต้น 2500 ซึ่งเป็นการก่อสร้างบูรณะใหม่ โดยการคลุมกำแพงชั้นในเดิม ลักษณะของการเสียหายนั้น เนื่องจากมีฝนตกหนักและมีปริมาณมาก ทำให้น้ำซึมเข้าไปแกนในของกำแพง  ซึ่งเป็นการก่ออิฐมาครอบไว้เฉยๆไม่มีการเกาะยึด พอเกิดการอิ่มตัวจากภายในทำให้เกิดการดันด้านข้างทำให้พังถล่ม การซ่อมบำรุงยังไม่มีการซ่อมบำรุงใหญ่ อันดับต่อไปเราจะมีการตรวจสอบโครงสร้างทุกประตู โดยจะมีการดำเนินการร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่

ด้านนายอัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า  ในส่วนของเทศบาลนครเชียงใหม่จะได้ทำการปิดกั้นบริเวณพื้นที่ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยกับประชาชนและนักท่องเที่ยวก่อนจะมีการปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบและดูแลกันอย่างไร เพื่อทำให้กำแพงเมืองทุกส่วนเกิดความปลอดภัยและแข็งแรงมากขึ้น

สำหรับประตูช้างเผือก หรือ ประตูหัวเวียงของเชียงใหม่ในอดีต ถือได้ว่ามีความสำคัญมาตั้งแต่อดีตของการสร้างเมือง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองถือว่าเป็นประตูมงคล ในพิธีราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณีล้านนา กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองเชียงใหม่จะเสด็จเข้ามาที่ประตูนี้ มาตั้งแต่ครั้งที่พญาเม็งราย ทรงสร้างเวียงนพบุรีศรีนครพิงค์เจียงใหม่ขึ้น  ประตูหัวเวียงเปลี่ยนชื่อมาเป็น ประตูช้างเผือกเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 23 เมื่อพญาแสนเมืองมาได้สร้างอนุสาวรีย์ช้างเผือก 2 เชือกเป็นอนุสรณ์แก่มหาดเล็ก 2 คนที่ช่วยพระองค์ให้รอดพ้นจากภัยสงคราม แต่เดิมรูปปั้นช้างเผือกทั้ง 2 เชือกอยู่ริมถนนโชตนาด้านละเชือก สำหรับรูปปั้นช้างเผือกที่ตั้งในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในสมัยพระเจ้ากาวิละ

ธนกร วงค์นาง - วสันต์ ปัญญาเรือน รายงานจาก จ. เชียงใหม่