svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

ชุลมุน ญาติทะเลาะเดือดแทง “สาวท้อง 4 เดือน” อาการวิกฤต

21 กันยายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ชุลมุน ญาติทะเลาะเดือดแทง “สาวท้อง 4 เดือน” เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นแม่และลูกท้องยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต

วันนี้ (21 ก.ย.65) เวลา 10.00 น. พ.ต.ต.สัมภาษ ผลถาวร สว.สอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ ได้รับแจ้ง เกิดเหตุทะเลาะวิวาท พื้นที่หมู่ 4 บ้านด่านเหรียง ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ญาตินำตัวส่งโรงพยาบาลลำทับ 1 ราย เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลทุ่งใหญ่ 2 ราย จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลทุ่งใหญ่

 

ชุลมุน ญาติทะเลาะเดือดแทง “สาวท้อง 4 เดือน” อาการวิกฤต

 

ทราบชื่อคนเจ็บนายอลงกรณ์ บุญเต็ม อายุ 25 ปี เป็นชาวหมู่ 4 ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ ได้รับบาดเจ็บบริเวณท้องแขนด้านขวา มีบาดแผลลึกประมาณ 4 ซม. ส่วนอีกรายคือนางสาวพรริตา ศักดิ์เพชร อายุ 23 ปี แฟนสาวของนายอลงกรณ์ ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลถูกแทงใต้ราวนมด้านขวาเป็นแผลฉกรรจ์ กำลังรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน

สอบถามนายอลงกรณ์ ระบุว่า ผู้ก่อเหตุชื่อนายเบียร์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับแฟนเคยมีปัญหากันก่อนหน้านี้ ก่อนเกิดเหตุตนกับแฟนได้ไปขายน้ำยางอยู่ที่ร้านรับซื้อน้ำยางใกล้บ้าน ระหว่างนั้นนายเบียร์มาขายน้ำยางที่ร้านที่ตนมาขาย แฟนของตนกับนายเบียร์เกิดมีปากเสียงกัน ตนเข้าไปห้ามแล้วโดนนายเบียร์ชกจึงเกิดการทะเลาะวิวาท จังหวะชุลมุนตนโดนนายเบียร์แทงเข้าที่แขน พอตนเห็นว่านายเบียร์ใช้มีดจึงแย่งมีดมาแล้วปักไปกลางหลัง นายเบียร์จึงวิ่งกลับไปที่รถ ตนจึงหยิบไม้ไผ่ปลายแหลมมาถือเอาไว้ จังหวะที่นายเบียร์วิ่งกลับไปที่รถ พ่อของนายเบียร์ทำท่าจะมาเอาเรื่องตน แต่จังหวะนั้นมีคนตะโกนบอกว่าให้ตนไปดูแฟนก่อน เพราะแฟนถูกแทง ตนจึงวิ่งกลับไปดูเห็นแฟนมีเลือดออกเยอะมาก ตนก็ไม่รู้ว่าแฟนโดนแทงตอนไหน ญาติที่อยู่ใกล้ๆจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมารับระหว่างทาง ส่วนนายเบียร์ทราบว่า ญาติพาไปส่งโรงพยาบาลลำทับ จ.กระบี่

 

ชุลมุน ญาติทะเลาะเดือดแทง “สาวท้อง 4 เดือน” อาการวิกฤต

ในระหว่างที่กำลังสอบสวนนายอลงกรณ์อยู่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน ผู้ช่วยพยาบาลได้เดินออกมาแจ้งนายอลงกรณ์ว่า แฟนสาวตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนแล้ว นายอลงกรณ์และญาติๆต่างพากันตกใจเพราะไม่มีใครรู้มาก่อนว่าผู้บาดเจ็บกำลังตั้งครรภ์อยู่

 

ชุลมุน ญาติทะเลาะเดือดแทง “สาวท้อง 4 เดือน” อาการวิกฤต

อาการของนางสาวพรริตาและลูกในท้องยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต ทีมแพทย์ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องและเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด หากไม่ดีขึ้นอาจจะต้องส่งต่อไปโรงพยาบาลใหญ่ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง และจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

 

 

logoline