รอง ผบ.ตร. ตามคดีกราดยิงอุบล ปูพรมค้นจับผู้ต้องหาเพิ่ม 7 คน ยึดปืนได้เพียบ

ความคืบหน้าเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.อุบลราชธานี จากปมความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการ์ดผับสถานบันเทิง บริเวณข้างศูนย์การค้าบิ๊กซี กลางมืองอุบลราชราชธานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย เมื่อวันที่กลางดึกวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยเกิดเหตุทางตำรวจได้ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุพร้อมของกลางได้หลายคน (อ่านข่าว) 

ล่าสุดวันนี้  (11 ส.ค.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นหัวชุดสืบสวน เผยความคืบหน้าทางคดีว่า เจ้าหน้าที่ ได้แบ่งกำลังออกเป็น 10 จุด ระดมตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 คน 
 

พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า การกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่าย เป็นเหตุสะทือนขวัญ และประชาชนให้ความสนใจ หลังเกิดเหตุมีการบูรณาการร่วมกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่วันแรก โดยร่วมทำการสืบสวน สอบสวน จนสามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาได้ จากการตรวจสอบทั้งรวบรมพยานหลักฐาน พยานบุคคล และ กล้องวงจรปิด ในบริเวณที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงจากกล้องจกาโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายของพลเมืองดี ทำให้มีหลักฐานเพียงพอที่จะจับผู้ที่ร่วมก่อเหตุได้ทั้ง 2 ฝ่าย

โดยขณะนี้สามารถพิสูจน์ทราบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดได้ทั้งหมดรวม 16 ราย  ออกหมายจับผู้ต้องหารวม 13 ราย จับกุมได้ 10 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี 3 ราย มอบตัว 1 ราย และ เสียชีวิต 2 ราย  โดยสามารถตรวจยึดอาวุธปืนในคดี เป็นอาวุธปืนยาว จำนวน 2 กระบอก (ปืนอาก้า 1 กระบอก , ปืนลูกซอง 1 กระบอก) อาวุธปืนสั้น จำนวน 10 กระบอก
 

พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดปืนอาก้า และ ตรวจค้นบ้าน แต่ยังจับตัวไม่ได้ เนื่องจากคาดว่า ได้หลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ในส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีนักการเมืองท้องถิ่นอยู่เบื้องหลังนั้น แนวทางการสอบสวนก็อาจจะมีความเป็นไปได้ แต่เรายังไม่มีหลักฐานว่าเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสีย

พล.ต.อ.สุชาติ  กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนมือปืนที่ลั่นไกยิง นายโชคทวัตร (เป็ด) พันธ์กว้าง (หัวหน้าแก๊งค์ขามใหญ่) เจ้าหน้าที่ได้จับกุมแล้ว และจากการสอบปากคำผู้ต้องหา บางส่วนให้การรับสารภาพ และบางส่วน ไม่ให้ความร่วมมือ ต่างฝ่ายพยายามไม่รู้ไม่เห็น ซึ่งทางตำรวจก็ต้องใช้กฎหมาย และหลักฐานกล้องวงจรปิด รวมถึงใช้พยานเพิ่มเข้าไป เพื่อเป็นหลักฐานในการประกอบการพิจารณาคดี โดยการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดทั้งสองฝ่ายจะเป็นไปตามพยานหลักฐานอย่างเคร่งครัด