svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ประยุทธ์-สี จิ้นผิง"จับมือสานสัมพันธ์ไทย-จีนร่วมสร้างสรรค์ความเจริญ

19 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นายกฯต้อนรับประธานาธิบดีจีนเยือนไทยในรอบ 11 ปี กระชับความร่วมมือด้านมั่นคง-เศรษฐกิจ พร้อมสร้างความเชื่อมโยงและขจัดความยากจน ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ด้าน "สี จิ้นผิง" ชมไทยเป็นเจ้าภาพเอเปค ย้ำพร้อมร่วมมือส่งเสริมภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้เจริญรุ่งเรือง 

 

19 พฤศจิกายน 2565 "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้การต้อนรับ "นายสี จิ้นผิง" ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องในโอกาสเยือนไทย และเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ณ ทำเนียบรัฐบาล

 

"ประยุทธ์-สี จิ้นผิง"จับมือสานสัมพันธ์ไทย-จีนร่วมสร้างสรรค์ความเจริญ

 

จากนั้น เวลา 13.30 น. นายกรัฐมนตรีเชิญประธานาธิบดีจีนไปยังตึกภักดีบดินทร์ โดยผู้นำทั้งสองได้ร่วมกันหารือถึงการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือ โดยฝ่ายไทยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมด้วย ได้แก่ "นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ "นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์" รองนายกฯ และรมว.พลังงาน "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข "นายอิทธิพล คุณปลื้ม" รมว.วัฒนธรรม "นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน" รมว.เกษตรและสหกรณ์ "นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม "ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์" รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม "นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" รมว.อุตสาหกรรม และ "นายดิสทัต โหตระกิตย์" เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

 

ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ "นายอนุชา บูรพชัยศรี" รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

 

นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับประธานาธิบดีจีนเยือนไทยครั้งนี้ นับเป็นการเยือนไทยในรอบ 11 ปี และเป็นการเยือนครั้งแรกนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำให้การเยือนไทยของประธานาธิบดีจีนครั้งนี้ มีความหมายและความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในด้านการกระชับความสัมพันธ์ ที่จะได้ร่วมกันกำหนดทิศทางความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านที่ครบรอบ 10 ปีในปีนี้ และมุ่งไปสู่การฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2568

 

"ประยุทธ์-สี จิ้นผิง"จับมือสานสัมพันธ์ไทย-จีนร่วมสร้างสรรค์ความเจริญ

 

รวมทั้งการเข้าร่วมการประชุมของจีนมีผลอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการประชุมเอเปคที่จะร่วมกันบรรลุเป้าหมายการสร้างประชาคมที่เปิดกว้าง มีพลวัต พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และมีสันติภาพ รวมถึงยังส่งผลความมั่นคงความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อภูมิภาคและโลกโดยรวม 

 

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีจีนรู้สึกยินดีเป็นเกียรติที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ พร้อมกล่าวขอบคุณนายกฯ และรัฐบาลในการจัดการต้อนรับ ทั้งนี้ มิตรภาพจีน-ไทย สืบทอดกันมาหลายพันปี ประชาชนมีความสัมพันธ์เหมือนพี่น้องกัน โดยจีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย เพราะจีนและไทยไม่ใช่อื่นไกล คือ พี่น้องกัน จีนพร้อมร่วมมือกันสรรค์สร้างความเจริญรุ่งเรืองและอนาคตร่วมกัน เปิดศักราชใหม่ของความร่วมมือ เพื่อผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ

 

ขณะเดียวกัน ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีจีนแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีและประเทศไทย ที่ได้จัดการประชุมเอเปคด้วยความสำเร็จ แสดงให้เห็นว่าภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีความสร้างสรรค์ สามัคคี และปรองดอง พร้อมพัฒนาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค และสร้างสรรค์ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลต่อไปยังระบบเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย

 

"ประยุทธ์-สี จิ้นผิง"จับมือสานสัมพันธ์ไทย-จีนร่วมสร้างสรรค์ความเจริญ

 

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายหารือถึงแนวทางความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง นายกรัฐมนตรีเสนอให้เสริมสร้างปฏิสัมพันธ์และหารือยุทธศาสตร์ในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ และกระชับความร่วมมือในด้านความมั่นคง โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การหลอกลวงทางโทรศัพท์ ซึ่งจีนยินดีร่วมมือกับไทย เพื่อผลประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ รวมถึงต่อภูมิภาคโดยรวม ซึ่งประธานาธิบดีจีนยินดีร่วมมือเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งทั้งสองประเทศควรปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย – จีน ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565-2569) เพื่อผลักดันและบูรณาการความร่วมมือในหลายหลายมิติให้ได้ผลเป็นรูปธรรม

 

สำหรับการสร้างความมั่งคั่ง ไทยและจีนเห็นพ้องการเพิ่มพูนมูลค่า และอำนวยความสะดวกทางการค้าด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้ พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมสีเขียวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีจีนยังขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP และส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงทางราง รวมถึงการดำเนินการโครงการรถไฟไทย-จีน ให้เป็นไปตามที่กำหนด 

 

ประธานาธิบดีจีนเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรต่อยอดความร่วมมือแบบดั้งเดิมทั้งเรื่องการลงทุน การค้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือแบบใหม่ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล รถยนต์พลังงานทดแทน นวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่มองว่า ควรจะเร่งความร่วมมือสามฝ่ายไทย-จีน-ลาว ในเรื่องการเชื่อมโยงระบบรถไฟ โดยไทยและจีนควรส่งเสริมการเชื่อมโยงตั้งแต่ EEC ของไทยไปยังรถไฟจีน-ลาว ต่อไปจนถึงมณฑลยูนนานของจีน และเชื่อมไปยังเส้นทางขนส่งสินค้าทางบกและทางน้ำสายใหม่ของจีน สำหรับในขั้นต่อไปจีนหวังว่า จะมีการเชื่อมโยงทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และระบบศุลกากรเพื่อขยายการขนส่งสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย เช่น ทุเรียนและมังคุด

 

ทางด้านความยั่งยืน ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมเสริมสร้างมิตรภาพและความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ โอกาสนี้ ประธานาธิบดีจีนชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจนในไทย และมีแนวคิดว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จีนยินดีร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องการลดความยากจนและการพัฒนาชนบท โดยรัฐบาลจีนมีภาระหน้าที่สำคัญในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีน และสร้างสรรค์บ้านเมืองในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรอบด้านโดยมีอัตลักษณ์ของจีน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของไทย จีนเห็นว่าทั้งสองฝ่ายควรจะเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ร่วมกัน แลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือที่สอดคล้องกันของทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน

 

นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณจีนที่อนุญาตให้นักศึกษาไทยทยอยกลับไปศึกษาต่อในจีนได้ รวมทั้งพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง ซึ่งประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า จีนและไทยเป็นเหมือนพี่น้องและญาติมิตร จีนส่งเสริมให้ประชาชนของทั้งสองฝ่ายเดินทางไปมาหาสู่กันได้ หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาโควิด-19 ได้สำเร็จด้วยดี เชื่อว่าหากทุกฝ่ายสามัคคีร่วมมือกัน จะนำไปสู่ผลประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนได้ในระยะยาว

 

สำหรับความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ทั้งสองฝ่ายต่างมองว่า สถานการณ์โลกและภูมิภาคมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความท้าทายจากความมั่นคงรูปแบบใหม่ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคระบาด ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน และความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำให้ไทยและจีนต้องร่วมมือรับความท้าทาย เพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจีนยืนยันที่จะแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ และพร้อมร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดในกรอบพหุภาคีต่าง ๆ ทั้งเวทีอาเซียน ACMECS รวมถึงกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง โดยหลังจากการหารือเต็มคณะ ทั้งสองฝ่ายได้ประกาศเอกสารความร่วมมือและความตกลงที่มีการลงนามในช่วงการเยือน จำนวน 5 ฉบับ ได้แก่

 

"ประยุทธ์-สี จิ้นผิง"จับมือสานสัมพันธ์ไทย-จีนร่วมสร้างสรรค์ความเจริญ

 

(1) แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย - จีน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับที่4 (พ.ศ. 2565-2569) 

 

(2) แผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วย การร่วมกันส่งเสริมเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21

 

(3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 

 

(4) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

(5) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการก่อตั้งคณะทำงานความร่วมมือด้านการลงทุนและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

จากนั้น ประธานาธิบดีจีนได้ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึก ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีจีน และภริยา ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล

logoline