"ภราดร"อัดเจ้าหน้าที่สลายผู้ชุมนุมผิดหลักกฎหมาย

19 พฤศจิกายน 2565 "พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร" เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. กล่าวว่า ภาพการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อระงับยับยั้งการเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมเครือข่ายประชาชนไปยังศูนย์ประชุมเอเปค เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ส่อไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ซึ่งมองเห็นชัดว่า รูปแบบการปฏิบัติทางยุทธวิธีไม่มีความเป็นมืออาชีพ

ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีความหวั่นไหววิตกกังวลต่อสถานการณ์การชุมนุมเกินกว่าปกติ จึงใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามขั้นตอน ทั้งๆที่ขบวนผู้ชุมนุมยังอยู่ห่างไกลจากศูนย์ประชุมฯกว่า 10 กิโลเมตร เป็นเหตุให้มีความรุนแรงจนผู้ชุมนุมบางคนบาดเจ็บถึงขั้นต้องสูญเสียอวัยวะ รวมถึงถูกควบคุมตัวกว่า 20 คน จนทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย

"ขอชี้ให้เห็นว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการได้อย่างสากล เหตุความรุนแรงแบบนี้ยากยิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะรูปแบบทางยุทธวิธี มันจะมิใช่เช่นนั้น แต่จะใช้รูปแบบเป็นการค่อยๆขยับ เปิดทาง ดึงเวลา ให้ขบวนผู้ชุมนุมเดินไปอย่างช้าๆ ตามช่องทางที่บังคับวิถีไว้ ตามแผนปฏิบัติการควบคู่กับการปฏิบัติการจิตวิทยามวลชน เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของสถานการณ์ แล้วไปจบลงที่พื้นที่ควบคุมสุดท้าย ที่ได้วางแผนการปิดล้อมไว้อย่างรัดกุม มีระยะทางห่างจากศูนย์ประชุมพอควร ที่อยู่ในวิสัยขีดความสามารถที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อยได้" พล.ท.ภราดร ระบุ

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้จึงสะท้อนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ยังคงใช้แนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อผู้ชุมนุมประท้วงต่างๆ เป็นแบบอำนาจนิยม มากกว่าการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มืออาชีพ มูลเหตุก็เพราะรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเช่นนั้นได้

"หนทางการแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างละมุนละม่อม จึงเป็นที่มาของคำตอบว่า เราต้องมีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยเป็นของประชาชนที่แท้จริง แล้วเมื่อนั้นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และผู้ถูกดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรม จะได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสม จบด้วยเจ้าหน้าที่ที่ชอบใช้อำนาจนิยม ต้องถูกนำตัวมาปรับทัศนคติ และนำมาลงโทษทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเข้มงวดต่อไป" พล.ท.ภราดร กล่าว