17 พฤศจิกายน 2565 คณะกรรมการนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ The Active จัดเวทีเสวนารัฐศาสตร์วิชาการครั้งที่ 30 ในหัวข้อ “เลือกตั้งครั้งต่อไป อนาคตประเทศไทยเอาไงต่อ” โดยมีผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดีรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าทีมการศึกษาทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเสวนา
โดยนายสุชัชวีร์ เชื่อว่าทุกคนมีความหวัง แต่การที่จะผิดหวังหรือสมหวังคงเป็นเรื่องปกติและมันก็สามารถเกิดได้กับทุกคน วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ไม่ใช่โลกที่ผู้ชายต้องเป็นผู้นำเพียงเท่านั้น ส่วนการเลือกตั้งที่กำลังจะถึง มองว่าต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงจากประชาชนส่วนใหญ่ที่มาจากกระบวนการทางประชาธิปไตยเท่านั้นประเทศถึงจะเดินไปข้างหน้าได้
หัวหน้าทีมการศึกษาทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเห็นด้วยกับทุกข้อเสนอแนวทางแก้ไขของผู้ร่วมเสวนาทุกคน ซึ่งเห็นว่าเป็นต้นตอของปัญหาจริง ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ทางรัฐธรรมนูญที่มาซึ่งการสืบทอดอำนาจ เชื่อว่าสามารถแก้ไขได้โดยการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. มาเป็นตัวแทนประชาชนร่างรัฐธรรมนูญใหม่ อีกทั้งทุกคนต้องไม่สร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม วันนี้ต้องมีความยืดหยุ่น ต้องสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข
นายสุชัชวีร์ ยังบอกว่าตนต้องการเห็นการเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ก่อนย้ำ 3 สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญคือ การสร้างคน สร้างเทคโนโลยี ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
นายพริษฐ์ ชี้ให้เห็นถึงภาพรวมว่ามีทั้งประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง และประชาชนที่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่ตนเชื่อเสียงประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง หลายคนรู้สึกหมดหวัง ผิดหวังกับสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน แม้ไม่มีหลักฐานชี้ชัดแต่อ้างอิงได้จากการที่หลายคนมีความคิดอยากย้ายประเทศในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่อันตรายมาก
นายพริษฐ์ ขยายภาพชัดขึ้น โดยอธิบายว่าความสิ้นหวังเกิดขึ้นจากช่องว่างระหว่างสังคมเราอยากเห็น กับสังคมที่เป็นอยู่จริง อีกทั้งจากสถิติในด้านต่างๆ ยิ่งสะท้อนชัดว่าประเทศไทยถดถอยลงในยุคหลังนี้ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าประเทศอื่นในระแวกใกล้เคียง คุณภาพการศึกษา ความเป็นประชาธิปไตย เป็นต้น
นายพริษฐ์ ยังย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคือด่านแรกหากต้องการความเปลี่ยนแปลง เปรียบเสมือนเป็นการกดทับเสียงประชาชน ให้ไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ของประชาชนที่มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเท่าเทียม แถมยังมีอาวุธ 3 ประเภทที่ทำให้พลเอกประยุทธ์ สามารถใช้ได้คือ สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งจาก คสช. 250 คน มีอำนาจโหวตกฎหมายปฏิรูปประเทศร่วมกับ ส.ส. มีอำนาจขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงองค์กรอิสระ ที่มีปัญหาจากการเอาคนที่ถูกแต่งตั้งเข้าไปทำงาน จนที่ผ่านมาเจอปรากฏการณ์แปลกๆเกิดขึ้นมากมาย ส่งผลทางการเมืองนับครั้งไม่ถ้วน ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
พรรคก้าวไกล ยืนยันต้องเกิดการแก้ไขให้เกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ก่อนพูดถึงสิ่งที่ได้เสนอผ่านสภาคือการเสนอทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญพร้อมการเลือกตั้ง มองเป็นทางออกที่เป็นรูปธรรมที่สุด และไม่ต้องพึ่งเสียงของสมาชิกวุฒิสภา จึงอยากขอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติด้วย
ด้านนายอรรถวิชช์ บอกว่าประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมากแล้ว 20 ฉบับ ซึ่งถือว่าเยอะมาก และเราก็มักไปโทษรัฐธรรมนูญทุกครั้งเวลาเกิดปัญหา วนอยู่ไม่จบไม่สิ้น ก่อนเห็นตรงมองว่าไม่เป็นธรรมกับกฎที่สมาชิกวุฒิสภาโหวตสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ย้ำว่าจำเป็นต้องแก้ไขมาตรานี้ออกไป พวกเราเคยเดินเรื่องแก้ไขมาตรานี้มาแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เราจำเป็นต้อง “แทงไปที่หัวใจ”
ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ชี้ว่าประเทศไทยต้องมีการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งถ้าเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐได้ก็จะสมหวัง ตนจึงอยากเสนอให้ทุกพรรคการเมืองประกาศว่าหลังการเลือกตั้งคราวนี้พรรคไหนมาเป็นอันดับหนึ่งก็ตาม จะต้องสนับสนุนพรรคการเมืองนั้นตั้งรัฐบาล อีกทั้งจะยังทำให้เสียงสมาชิกวุฒิสภา 250 ไร้ความหมาย
นายณัฐวุฒิ ยังมองว่าปัญหาเหล่านี้คนที่จะมาเสนอตัวเป็นตัวแทนประชาชน ต้องถามว่าพร้อมหรือไม่ที่จะแหกกรงขังที่เกิดจากอำนาจของคนที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง การที่จะฟื้นความหวังของประชาชนต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ได้ แต่ปัญหาของประเทศคือการไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสังคมใดก็ตามที่มีความพยายามไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สังคมนั้น มีปัญหาและขัดแย้งใหญ่แน่นอน การที่ผู้มีอำนาจใช้อำนาจขจัดขัดขวางการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องเหลวไหลที่สุด เพราะจะใช้อำนาจขัดขวางความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ในเมื่ออำนาจย่อมมีวันเปลี่ยนแปลง
พร้อมย้ำว่าเราจะแก้รัฐธรรมนูญได้จริง ก็ต่อเมื่ออำนาจรัฐเปลี่ยนขั้วจากคณะ 3 ป.และพวก และอำนาจรัฐจะเปลี่ยนขั้ว ถ้าเริ่มต้นวันนี้ทุกพรรคการเมืองประกาศ พรรคไหนมาที่ 1 ต้องตั้งรัฐบาล ความหวังจะเกิด
ทั้งนี้การแก้รัฐธรรมนูญได้ เชื่อว่าต้องเป็นรัฐบาลชุดหน้า รัฐบาลชุดนี้ต่อให้อยู่ครบวาระก็ไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้ได้จริงก็ต่อเมื่อเป็นรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยที่ประกาศชัดเจนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือต้องแก้เต็มคาราเบลจะแก้บางมาตราไม่ได้ คือต้องมี สสร. จากการเลือกตั้ง