svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ชัยวุฒิ เผยเตรียมเสนอครม.ออกพ.ร.ก.แก้ปัญหาบัญชีม้า ชี้ใครมีเกิน 5 ซิมเตรียมตรวจสอบ

07 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รัฐบาล จ่อ ออก พ.ร.ก.แก้ปัญหา ฉ้อโกงออนไลน์ ตัดช่องทางเปิด บัญชีม้า-อายัดเงิน ให้ได้รวดเร็ว เตรียมชงเข้าครม.สัปดาห์หน้า เตรียมใช้ทุกช่องทางให้ความรู้ประชาชนไม่ให้ถูกหลอกง่าย แง้ม อาจประเดิมใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง แจ้งเตือน  

7 พฤศจิกายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวภายหลังการประชุมการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น คอลเซนเตอร์ หลอกลงทุน หลอกซื้อของทำให้ประชาชนเดือดร้อนมาก ว่า ทางรัฐบาลโดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้ทุกหน่วยงานเร่งกำหนดมาตราการและทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน

 

โดยพล.อ.ประวิตร ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ประกอบด้วยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผบ.ตร. ตัวแทนจาก กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ปปง ดีเอสไอ และกลต. ที่จะร่วมมือกันกำหนดมาตราการทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัญชีม้าที่ใช้ในการโอนเงินของมิจฉาชีพซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ปัญหาให้ได้ โดยเบื้องต้นต้องมีการแก้กฎหมายเรื่องบัญชีม้า อาจต้องออกเป็นพระราชกำหนดเพื่อความเร็ว เพื่อให้การซื้อขายบัญชีม้าหรือการรับจ้างเปิดบัญชีเป็นความผิด ซึ่งมีการเขียนกฎหมายให้ชัดเพื่อมีบทลงโทษ ซึ่งให้ทาง ปปง.ดูแลเรื่องนี้ และต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานมากยิ่งขึ้น 

ชัยวุฒิ เผยเตรียมเสนอครม.ออกพ.ร.ก.แก้ปัญหาบัญชีม้า ชี้ใครมีเกิน 5 ซิมเตรียมตรวจสอบ

นอกจากนี้ ต้องมีการประชาสัมพันธ์ การแจ้งเตือนโดยอาจใช้แอปเป๋าตังเนื่องจากประชาชนกว่า 44 ล้านคนใช้แอปนี้แล้ว ก็จะใช้ช่องทางดังกล่าวแจ้งเตือน และให้ข้อมูลต่างๆ รวมถึงธนาคารทั้งหมดต้องปรับปรุงระบบโมบายแบ้งค์กิ้งให้มีการแจ้งเตือนก่อนโอนเงิน ตรวจสอบการโอนเงินที่ผิดปกติ หรือการถูกรีโมทแอปพลิเคชั่นที่มีการควบคุมเครื่องของประชาชนเพื่อดูดข้อมูลและเงิน ซึ่งต้องทำให้ได้ ต้องปรับปรุงให้ทันสมัยและปลอดภัยกับประชาชน

นายชัยวุฒิ ระบุว่า

เรื่องของการออก พ.ร.ก.ดังกล่าวนั้น ตนต้องขอสรุปมาตราการทั้งหมด และนำเรียนนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า

ชัยวุฒิ เผยเตรียมเสนอครม.ออกพ.ร.ก.แก้ปัญหาบัญชีม้า ชี้ใครมีเกิน 5 ซิมเตรียมตรวจสอบ

นายชัยวุฒิ ยังกล่าวถึง ซิมมือถือแบบเติมเงิน มีคนร้ายนำไปใช้หลายรูปแบบ ทั้งการโอนเงินบัญชีม้า การโทร และสุดท้ายยืนยันตัวตนไม่ได้ เจ้าของคนหนึ่งมีเบอร์เป็นร้อยๆพันๆเบอร์แล้วนำไปขาย จึงเป็นช่องทางที่ทำไม่ถูกต้อง ดังนั้นเป็นเรื่องที่ต้องหารือกับกสทช.เพื่อกำหนดให้ต่อคนมีซิมเติมเงินไม่เกิน 5 เบอร์  โดยยอมรับว่าจะมีผลกระทบต่อประชาชนแต่ต้องศึกษาผลกระทบต่อไป

ทางด้าน นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ขยายความเรื่องซิมมือถือ ว่า เราจะเข้มงวดมากขึ้นและหากพบว่ามีหลายซิม ก็จะส่งข้อมูลให้ตำรวจตรวจสอบว่า มีซิมเยอะขนาดนี้เพื่ออะไร แต่จะไปบังคับคนหนึ่งมีไม่เกิน 5 ซิมเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องสิทธิ แต่เรามีอำนาจในการตรวจสอบได้ว่ามีไว้ทำไมหลายซิม

ส่วนเรื่องการแก้กฎหมายที่มากำกับดูแลเรื่องบัญชีม้าจะต้องใช้กฎหมายเดิมหรือกฎหมายใหม่นั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องบัญชีม้ากฎหมายปกติสามารถดำเนินการได้ คือการร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เรื่องการฟอกเงิน แต่กฎหมายบางอย่างยังไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่าง เช่น การโฆษณา ซึ่งทางที่ประชุมได้มีการเสนอแนะให้ทำเป็นพ.ร.ก.ที่จะทำให้เร็วขึ้น ถึงแม้ว่ารัฐบาลร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยกันปราบปราม ซึ่งมีการประสานงานกับต่างประเทศ การออกหมายจับกุม และมีหมายจับที่ขอความร่วมมือ แต่ส่วนใหญ่ตัวการใหญ่อยู่ต่างประเทศ การดำเนินการจึงเป็นเรื่องยาก มีส่วนที่อยู่ในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นเรื่องเปิดบัญชีม้ารับจ้างต่างๆ

ชัยวุฒิ เผยเตรียมเสนอครม.ออกพ.ร.ก.แก้ปัญหาบัญชีม้า ชี้ใครมีเกิน 5 ซิมเตรียมตรวจสอบ

"สำหรับเรื่องบัญชีม้านั้น เราต้องหยุดให้ได้ หากพบพฤติกรรมการโอนเงินที่ผิดปกติ ก็ต้องปิดและบล็อกให้ได้ รวมถึงต้องอายัดบัญชีให้ได้รวดเร็ว ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า จะต้องมีการแก้กฎหมายโดยจะออกเป็นพระราชกำหนด เพื่อความรวดเร็ว ซึ่งจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ตนต้องสรุปรายละเอียดทั้งหมดเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุม ครม. โดยจะมีการเขียนกฎหมายให้ชัดเจนว่า การรับจ้างเปิดบัญชีม้าทำไม่ได้ ถือว่ามีความผิดและต้องมีบทลงโทษ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะเข้ามาดูในเรื่องนี้ เพื่อตัดกระบวนการบัญชีมาให้ได้ เพราะถ้าไม่มีบัญชีม้า คนร้ายก็จะไม่มีบัญชีที่จะใช้โอนเงิน ประชาชนก็จะไม่ถูกหลอกได้" นายชัยวุฒิ กล่าว

 

“ชัยวุฒิ” จ่อคุยแบงก์ ปรับปรุงระบบ ป้องกันประชาชน โดนหลอกเงินผ่านออนไลน์


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึง แนวทางการฉ้อโกงประชาชนทางช่องทางออนไลน์ ที่มิจฉาชีพเปลี่ยนรูปแบบอยู่ตลอดว่า ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้มีการเข้มงวด และรับแจ้งความผู้เสียหายตั้งแต่เดือนมีนาคม จนถึงปัจจุบันกว่าแสนคดี เสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยมีการเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินคดีช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด รวมถึงการเพิ่มมาตรการป้องกันการโอนเงินไปยังบัญชีม้า หากมีการพบว่ามีการโอนเงินผิดปกติจะต้องมีการระงับโดยจะมีการกำหนดมาตรการร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในการป้องกันการหลอกลวง โดยใช้ระบบป้องกันอัตโนมัติ ถ้าเห็นว่ามีพฤติกรรมผิดปกติในการโอนเงินไปต่างประเทศ หรือโอนเงินจำนวนมากๆ บ่อยๆ จึงอยากจะให้มีมาตรการหยุดการโอนเงิน หรือหยุดบัญชีม้าไม่ให้ทำงาน 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า วิธีป้องกันสุดท้ายคือ การแจ้งเตือนประชาชนผ่านระบบต่างๆ ก่อนโอนเงินคืน ก่อนโอนเงินควรจะมีการแจ้งเตือน เพื่อยืนยันว่าใช่เจ้าของบัญชีหรือไม่ หรือระบบโมบายแบงก์กิ้งโดนรีโมตควบคุมเครื่องให้โอนเงิน โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง จะหารือให้ธนาคารทุกแห่งออกแบบระบบการป้องกันการถูกดูดข้อมูลหรือฟิตชิ่ง ซึ่งตรงนี้น่าเป็นห่วงกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ธนาคารทุกแห่งจะต้องไปปรับปรุงระบบ 

ชัยวุฒิ เผยเตรียมเสนอครม.ออกพ.ร.ก.แก้ปัญหาบัญชีม้า ชี้ใครมีเกิน 5 ซิมเตรียมตรวจสอบ

ส่วนที่กังวลว่าอาจจะมีข้อกฎหมายไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลในการป้องกันนั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ทางกฎหมายไม่ใช่ประเด็น มันเป็นเรื่องเทคโนโลยี และเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยจะต้องอัปเดตระบบข้อมูลให้มีระบบไซเบอร์ป้องกันความปลอดภัย เพราะถ้าปล่อยให้ประชาชนโดนดูดเงินคนจะไม่กล้าใช้ระบบโมบายแบงก์กิ้ง และจะทำให้ส่งผลกระทบทบต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิดัล ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาในต่างประเทศก็ใช้วิธีการปรับปรุงระบบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์เข้ามาช่วยดู ที่สำคัญสื่อมวลชนจะต้องช่วยประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ข้อมูลให้ความรู้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารอย่าไปหลงเชื่อแก๊งมิจฉาชีพที่บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วให้เอาเงินไปตรวจสอบหรือหลอกให้กดลิงก์ต่างๆ แล้วหลอกดูดเงินไป


 

ขอขอบคุณที่มา กรุงเทพธุรกิจ 

logoline