"แม่เลี้ยงฮาย"ประกาศนำทัพเพื่อชาติสู้เลือกตั้ง-ขอเป็นตัวจริงทุกพื้นที่

14 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อชาติ ได้จัดกิจกรรมเปิดตัวพรรคโฉมใหม่ "เพื่อชาติ(นี้) ไม่ต้องรอชาติหน้า" ณ หอประชุมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พร้อมทั้ง เปิดตัว "น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช" หัวหน้าพรรคเพื่อชาติคนใหม่ รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรค คณะทำงาน และทีมนโยบาย อย่างเป็นทางการ  

น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อชาติให้ความสำคัญกับการศึกษา นักเรียนอาชีวะเมื่อจบแล้วเงินเดือนควรได้ 15,000 บาท ไม่น้อยกว่าคนที่เรียนจบสายสามัญ การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ก็ต้องให้ความสำคัญ ยกตัวอย่าง นักกีฬา กศน. ก็ควรมีระบบการศึกษาที่มาดูแลในส่วนนี้ ซึ่งพรรคมีความฝันว่าคนไทยทุกคน ต้องได้เรียนฟรีทุกที่ทุกเวลาผ่านเทคโนโลยี ดาวเทียมต้องเป็นดาวเทียมเพื่อการศึกษาแห่งชาติ ไม่ใช่ดาวเทียมเพื่อเจ้าสัว เรื่องกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ต้องไม่มีดอกเบี้ย เพื่อเป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้คนในชาติไปแข่งขันกับนานาชาติ

"เราต้องลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ เพื่อเศรษฐกิจที่เป็นธรรม ในชาตินี้ด้วยกัน ไม่ใช่อธิษฐานในชาติหน้าได้เกิดในประเทศที่เห็นทุกคนเท่าเทียมกันมากกว่านี้ ได้มีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ พรรคเพื่อชาติจะทำเพื่อเราทุกคนในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า และไม่ต้องย้ายประเทศหนีไปไหน" น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าว  

จากนั้น น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ได้แนะนำคณะกรรมการบริหารพรรค ที่เรียกในนาม ทีมทำเพื่อชาติ ทั้ง 18 คนขึ้นบนเวที โดยเป็นที่สังเกตว่า ทีมเพื่อชาติทุกคนต่างพับขากางเกงด้านซ้ายขึ้นทุกคน เพื่อเป็นการสื่อความหมายถึงความเหลื่อมล้ำในประเทศ และพรรคเพื่อชาติจะเข้ามาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ 

ก่อนที่จะมีการเปิดนโยบายพรรคแต่ละด้าน เช่น นโยบายเกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตยและความเท่าเทียม โดย "ร.อ.จารุพล เรืองสุวรรณ" เลขาธิการพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า พรรคขออาสาจะทำให้ทุกคนเท่ากัน ไม่แบ่งแยก เพื่อนำมาซึ่งความมั่นคงในประเทศ ขอทำให้ประเทศปลอดภัย น่าคบค้า น่ามาค้าขาย ขออาสาทำชีวิตคนไทยให้มั่นคง ทัดเทียมนานาประเทศ พรรคจะนำความภาคภูมิใจมาสู่คนไทยทุกคน ทำให้เห็นในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า 

น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อชาติ ที่สลัดออกจากพรรคเพื่อไทย ว่า มีความต้องการทำแบบนั้น ต้องการลบภาพจำเดิมๆ ออก และภาพจำใหม่เป็นแบบทุกวันนี้ (14ต.ค.) ในการสร้างความหวังให้คนในชาติ ทุกคนในชาติต้องเดินต่อไปด้วยกัน

สำหรับความหมายของคำว่า "ชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า" คือ แม้แต่ชาตินี้ก็รอไม่ได้ จึงเป็นเหตุผลที่ตนเข้ามาพัฒนาการเมือง และตนเชื่อในเสรีภาพของทุกคน เลือกในสิ่งที่ชอบ และเลือกในสิ่งที่เป็นความหวังที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ดังนั้น อำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจขึ้นอยู่กับประชาชน พรรคมีหน้าที่นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด  

ส่วนเหตุผลที่เปลี่ยนโลโก้พรรคมาเป็นสีเขียว เนื่องจาก สีเขียว คือ "สีธรรมชาติ เพื่อชาติ เราไม่ได้มุ่งหวังทำเพื่อคน แต่มองถึงสิ่งมีชีวิต สัตว์โลก และสิ่งแวดล้อม นี่เป็นที่มาของการเลือกสีเขียว" 

ส่วนจะบริหารพรรคได้หรือไม่ เพราะทุกอย่างมันดุเดือด น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าวว่า ตนเคยบริหารทีมฟุตบอลมาก่อนหน้านี้ เมื่ออายุ 27 ปี ก็มีสื่อมวลชนมาถามคำถามเดียวกัน ว่าทีมฟุตบอลอื่นมีทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ และคนที่ประสบควมสำเร็จมาบริหารทีมฟุตบอล แล้วเราจะไหวหรอ ส่วนตัวมองว่าไม่ต่างกัน ภาวะผู้นำไม่ได้อยู่เพศ อายุ เราอยากเห็นผู้นำแบบไหน เราก็เป็นแบบนั้น 

สำหรับพรรคเพื่อชาติ วางเป้าหมายการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าวว่า ต้องได้ ส.ส. และคะแนนเสียงมากกว่าเดิม นี่เป็นภูเขาลูกเล็กๆ นี่คือเป้าหมายของพรรคเพื่อชาติรูปแบบใหม่ โดยตั้งเป้าหมายทั่วประเทศ ไม่ใช่มีแค่ภาคเหนือ พรรคเพื่อชาติจะเป็นพรรคของชาติ ไม่เป็นพรรคเฉพาะกิจ ไม่เป็นพรรคชั่วคราว ไม่ใช่พรรคสำรอง และไม่ใช่พรรคของภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง แต่เป็นพรรคของคนในชาติ

"เราตั้งใจส่ง ส.ส.ให้ครบทุกเขต และตอนนี้กำลังตั้งตัวแทนพรรค และสาขาพรรคให้ครบถ้วนตามกฎหมาย และย้ำว่าการทำรีแบรนด์พรรคและการทำแบรนด์โมเดล เรายึดมั่นในประชาธิปไตย ความเสมอภาค เท่าเทียม เป็นหัวใจอันดับหนึ่งของพรรคเพื่อชาติที่จะไม่เปลี่ยนแปลง" น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่า "นายยงยุทธ ติยะไพรัช" จะเป็นนั่งร้านให้พรรคเพื่อชาติ จะช่วยอะไรให้บ้าง น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าวว่า "คุณพ่อชอบพูดอยู่ตลอด ตนก็เคารพ เพราะเป็นคนให้โอกาสในการศึกษาเรียนรู้ นี่คืออาวุธที่คุณพ่อส่งเสริมมาตั้งแต่เกิด อยากให้ทุกคนมีโอกาสแบบนี้ เมื่อเรามีวิชาความรู้และทักษะ เราจะไม่กลัวอะไรเลย ถ้าวันนี้กลัว ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรค ไม่จำเป็นต้องเป็นกรมการบริหารพรรค แต่วันนี้มันก้าวข้ามผ่านทุกอย่างแล้ว"  

เมื่อถามว่า พื้นที่ จ.เชียงราย เคยเป็นพื้นที่ของนายยงยุทธ หวังพื้นที่นี้มากน้อยเพียงใด น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าวว่า พรรคมีศักยภาพ และความเป็นไปได้ในหลายเขต จึงตั้งเป้าหมายไว้สูง น่าจะมีหลายเขตที่ทำได้ และมองว่า จะไม่เป็นพื้นที่ทับซ้อนกับพรรคใด ซึ่งประกาศตั้งแต่วันแรกว่า พรรคเพื่อชาติต้องเป็นตัวจริง ต้องสู้เต็มที่ ทำอย่างไรก็ตามทุกวิถีทางเพื่อได้ลงสนาม 

เมื่อถามว่า จะเกิดปัญหาระหว่างบ้านติยะไพรัช และบ้านเตชะธีราวัฒน์ ที่จะเป็นการสู้กันเองในพื้นที่หรือไม่ น.ส.ปวิศรัฐฐ์ กล่าวว่า ใน จ.เชียงราย ก็มีหลายบ้าน ดังนั้น พรรคเพื่อชาติ จะไม่แข่งกับตระกูลใดหรือพรรคใด แต่จะแข่งกับทุกพรรค เพื่อเป็นตัวจริงของประชาชน 

หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวอีกว่า พรรคได้มีการวางแคนดิเดตนายกฯ ไว้ ขอให้ติดตาม แต่จะเป็นคนอื่น เพราะตนอายุยังไม่ถึง และพรรคเพื่อชาติได้มีการทาบทามแคนดิเดตนายกฯ ไว้แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวด้วย ส่วนจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละคน ขณะนี้มีการเทียบเชิญแค่ 1 คน จากทั้งหมด 3 คน ดังนั้น ขอให้รอติดตาม