จากปรากฏการณ์ที่พรรคเพื่อไทยสามารถเอาชนะ โดยเฉพาะการเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดย เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ จากเพื่อไทย สามารถเอาชนะคู่แข่ง อย่าง “รัชนี พลซื่อ” และ “จุรีพร สิทธุไพร” ในนามอิสระ ซึ่งเดิมอยู่ค่ายพลังประชารัฐ มากกว่าหนึ่งแสนคะแนน หรือทิ้งห่างคู่แข่งแบบครึ่งต่อครึ่ง
โดย อ.เชษฐา ทรัพย์เย็น นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ได้วิเคราะห์ถึงผลการเลือกตั้งผ่าน “เนชั่นทีวี” มองว่า เป็นการส่งนัยยะสัญญาณแรงต่อความหวังในการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย คือ
1.เป็นชัยชนะแรกของคุณ “อุ๊งอิ๊งค์”ในพื้นที่แข่งขันสูงทางการเมือง
-ชัยชนะในการออกศึกครั้งแรกของคุณอุ๊งอิ๊งค์ ได้เปิดประตูแรกสู่แลนด์สไลด์ เนื่องจากผู้สมัคร นายก อบจ.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ได้รับชัยชนะทุกอำเภอแบบเด็ดขาด นำมาสู่การสร้างความมั่นใจและความฮึกเหิมให้ทั้ง “อุ๊งอิ๊งค์” ผู้นำจิตวิญญาณ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยในการปักธงทุกพื้นที่ในอีสาน ซึ่งการเลือกตั้งสนามนี้ถือว่าใกล้เลือกตั้ง ส.ส. ที่จะมีขึ้นทั้งประเทศในปีหน้า ผลทางจิตวิทยาทางการเมืองจะสวิงกลับมาอยู่ฝั่งเพื่อไทยนับจากนี้ ทั้งพื้นที่อีสานและทั่วประเทศ
2.ข่มขวัญพรรคคู่แข่งตัวจริงในพื้นที่อีสานคือภูมิใจไทยอย่างหนักหน่วง
-ชัยชนะรอบนี้บ่งชี้ว่าสายเลือดชินวัตรยังคงขลังและแผลงอิทธิฤทธิ์ในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูสีในภาคอีสาน แม้ครั้งนี้จะเป็นระดับท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นพื้นที่การเมืองระดับใหญ่สุดในจังหวัด ทำให้สะท้อนแนวโน้มการเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะมีขึ้นในปีหน้าได้ สิ่งนี้ส่งสัญญาณแรงถึงพรรคภูมิใจไทยที่จะกวาด ส.ส.อีสานให้สะดุดลง เป็นการสกัดแผนการมุ่งสู่จำนวน ส.ส. เลขสามหลัก อันเป็นเป้าหมายใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ที่จะเป็นขั้วหลักทางการเมืองในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า
3.ตอกย้ำกระแสขาลงของขั้วรัฐบาลในพื้นที่อีสาน
-ผลคะแนนรวมของผู้สมัคร เบอร์ 1 คุณรัชนี พลซื่อ และเบอร์ 4 คุณจุรีพร สินธุไพร นับรวมกันแล้วยังไม่เหนือกว่าคะแนนของผู้ชนะ คือ เบอร์ 2 เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ พรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้งเบอร์ 1 และเบอร์ 4 คือ บุคคลที่อยู่ขั้วเดียวกันก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นขั้วพรรครัฐบาลจากสายพลังประชารัฐด้วยกัน สะท้อนอย่างชัดเจนว่าชั่วโมงนี้ แนวโน้มผู้สมัครที่มาจากฝั่งรัฐบาลเสียเปรียบต่อฟากฝั่งเพื่อไทยในพื้นที่อีสาน
4.การแข่งขันระหว่างผู้สมัครในขั้วรัฐบาลมีแนวโน้มส่งผลเสียมากกว่าได้ปรียบเทียบพรรคเพื่อไทยในพื้นที่อีสาน
-ที่ผ่านมาพรรคใดครอบครอง ส.ส.พื้นที่อีสานได้ ถือเป็นพื้นที่ตัดสินชัยชนะในการจัดตั้งรัฐบาล ยกเว้นปี 2562 ดังนั้น การแข่งขันกันเองของผู้สมัครขั้วรัฐบาล จะทำให้คะแนนเสียงแตก และจะเอื้อต่อการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจจะเห็นแบบนี้ในเกือบทุกจังหวัดของภาคอีสานเช่นกัน หากพรรคขั้วรัฐบาลเดิมแข่งขันกันเองในทุกเขตเลือกตั้ง ความได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง จะตกมาอยู่ที่เพื่อไทย ถือเป็นแนวร่วมมุมกลับ ที่จะส่งให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้
“พรรคขั้วรัฐบาลเดิมอาจต้องร่วมมือกันปรับยุทธศาสตร์เสียใหม่ เช่น แบ่งพื้นที่การลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยในพื้นที่เขตนั้น ๆ หากพรรคใดมีผู้สมัครที่โดดเด่น พรรคร่วมรัฐบาลอื่นก็ควรหลีกเลี่ยงไม่ส่งคนลงแข่ง อันอาจบรรเทาการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยลงได้บ้าง แต่ในความเป็นจริงก็ทำได้ยาก เพราะสุดท้าย ทุกพรรคการเมืองหวังจะได้คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งจำเป็นต้องส่งตัวแทนพรรคลงสมัครในเขตเลือกตั้งต่าง ๆ โดยสรุป พรรคเพื่อไทยจึงยังมีความได้เปรียบในจุดนี้ในพื้นที่ภาคอีสาน”
คำตอบสุดท้ายที่จะหยุดการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย คงไม่ได้อยู่ที่พรรคขั้วรัฐบาล แต่อาจอยู่ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเอง คือ กระแสความนิยมในการทำผลงานของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมาในรัฐสภา และกระแสสังคม ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า ก้าวไกลทำได้ดีและมีความโดดเด่นอย่างแท้จริง