กูรูการเมืองเปิดสาเหตุ “ม็อบ 8 ปีประยุทธ์” ทำไมจุดไม่ติด

วันนี้ (24 ส.ค.65) นับเป็นอีกวันของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่คนทั้งประเทศ ต่างรอฟังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ กรณี “วาระ 8 ปี นายกฯ” ว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์​  จันทร์​โอชา​ นายกรัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ น่าจะลุ้นหนักกว่าคนอื่น รอฟังคำสั่งศาลอยู่ในบ้านพัก ไม่ได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล ขณะที่รอบทำเนียบรัฐบาลก็มีมวลชนม็อบ “คณะหลอมรวมประชาชน” ชุมนุมกดดันอยู่ แต่ม็อบดังกล่าวกลับถูกมองว่าเป็น “ม็อบนอกสายตา”  จุดไม่ติดไม่สามารถมีพาวเวอร์มากนัก

 

 

ในประเด็นนี้ “รองศาสตราจารย์ดร.สุขุม นวลสกุล”  อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ให้ความเห็นผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า เห็นด้วยกับที่บอกว่าม็อบ 8 ปีไล่พล.อ.ประยุทธ์ยังจุดไม่ติด ซึ่งมองว่าภาพรวมคนเป็นนักการเมืองอาชีพไม่อยากจุดให้ติด เพราะนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลคิดว่าคู่ต่อสู้ที่หมูที่สุดในสนามคราวหน้าคือพล.อ.ประยุทธ์ จนเคยมีการพูดถึงขนาดที่ว่าถ้า “บิ๊กตู่” ลงใครจะแข่งก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าไล่พล.อ.ประยุทธ์ไป ก็จะเปลี่ยนคู่ต่อสู้ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรแต่อย่างน้อยที่สุดก็มองว่าหนักกว่าบิ๊กตู่

 

รองศาสตราจารย์ สุขุม กล่าวอีกว่ายังไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญว่าวินิจฉัยอย่างไร แต่สมมุติเกิดวินิจฉัยตอบว่าหมดคุณสมบัติ ไม่ตอบว่าหมดเท่าไหร่ บิ๊กตู่ท่านสู้นะ  ถ้าไม่ถูกตัดสินคุณสมบัติสู้แน่ จึงมองว่าคู่แข่งอยากคู่กับบิ๊กตู่ ทั้งนี้ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องเกมซ้อนเกม แต่คนเป็นนักการเมืองเขาเล่นตามสถานการณ์ ดูว่าบิ๊กตู่สู้กับใครดีที่สุด ซึ่งตนมองว่าแม้กระทั่งสู้กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังยากกว่า เพราะฐานเสียงของฝ่ายนักการเมืองฝั่งรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐยังแบ่ง ซึ่งบิ๊กป้อมคุมเสียงได้หมด เพราะการสู้กับบิ๊ก ๆ ของนักการเมืองคือสู้ในสนามเลือกตั้ง ซึ่งมองว่าบิ๊กตู่วันนี้ ไม่ใช่บิ๊กตู่เมื่อปี 62 แล้ว

 

เมื่อถามว่าที่แกนนำฝ่ายค้านบางส่วนไม่ผสมโรงกับม็อบจุดไฟให้ลุกโชนขึ้นมาเพราะมองว่าเลือกตั้งสมัยหน้าสู้กับพล.อ.ประยุทธ์ง่ายกว่านั้น รองศาสตราจารย์ สุขุม ระบุว่า การสู้กับพล.อ.ประยุทธ์ ง่ายกว่าสู้กับบิ๊กด.เด็ก หรือแม้กระทั่งบิ๊กป้อม

 

เมื่อถามว่าภาคประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวถูกหลอกหรือไม่ รองศาสตราจารย์ สุขุม มองว่าไม่ใช่การหลอกแต่จะยิ่งทำให้บิ๊กตู่ช้ำเข้าไปอีก แต่ประเด็นหลักคือนักการเมืองมองว่าอย่าให้เปลี่ยนคู่ต่อสู้ในสถานการณ์อย่างนี้ เพราะฝ่ายจะได้เปรียบมากกว่า ซึ่งตอนนี้นักการเมืองเองก็ยังไม่พร้อมร้อยเปอร์เซ็นดังนั้นจึงสามารถรอได้

 

อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ 8ปี ถูกนำมาขยายโดย “ฝ่ายค้าน” ทั้ง “ในสภา” และ “นอกสภา”

 

โดยกลุ่มที่ออกตัวแรงขับเคลื่อนขยี้ปมร้อน นำโดย “คณะหลอมรวมประชาชน” ที่มี “จตุพร พรหมพันธุ์”ประธาน นปช. และ “ทนายนกเขา” นิติธร ล้ำเหลือ เป็นแกนนำ 

 

ที่ผ่านมา “คณะหลอมรวมประชาชน” มักถูกมองว่าเป็น “ม็อบนอกสายตา”  เพราะเหมือนเป็นที่รวมตัวของบรรดา “แกนนำอกหัก” ทั้ง “จตุพร” ที่ถูกเขี่ยออกจาก “การนำ”ในขบวนการคนเสื้อแดง ปีก นปช.

 

ส่วน “ทนายนกเขา”คือ อดีตแกนนำม็อบเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ระหว่างปี 2556-2557 ขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

 

คณะหลอมรวมประชาชน เริ่ม “จัดตั้ง” ขับไล่ “นายกฯ” มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 สมัยที่กระแส “ม็อบ 3 นิ้ว” ยังคง “กระแสสูง”โดยขณะนั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็น “ม็อบตัดม็อบ” ทำตัวเป็น “ฉนวน” ให้การชุมนุมขีดเส้นใต้ไว้ถึงแค่ “ไล่บิ๊กตู่” ไม่ให้ลุกลามไปพาดพิงถึงสถาบันฯ เบื้องสูง

 

ดังนั้นค่อนข้างแน่นอนว่า “เครือข่าย 3 นิ้ว” ไม่มีทางไปร่วมสังฆกรรมกับม็อบ “จตุพร-ทนายนกเขา” อย่างแน่นอน

 

ที่สำคัญสำหรับ “จตุพร” คนวงใน นปช.รู้กันมานานแล้วว่า “ขบวนการเสื้อแดง” แยกออกเป็น 2 สายหลักอย่างชัดเจน โดยสายของ “จตุพร” คือ “สายรามอินทรา 40” ที่ถูกอัปเปหิจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” จึงมีพาวเวอร์ค่อนข้างน้อยในกลุ่มแดง นปช. ที่ปัจจุบันเข้าข้าง “สายสนามบินน้ำ”

 

“แดงสนามบินน้ำ” สมาชิกส่วนใหญ่เป็นอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ปัจจุบันถูกดึงเข้าไปร่วมผนึกกำลัง “ครอบครัวเพื่อไทย” หมายมั่นปั้น “แลนด์สไลด์" ดังนั้นคงไม่อาจสร้าง “ความเสี่ยง” เดือดร้อนให้กับพรรคได้ จึงเป็นไปแทบไม่ได้ที่จะนัดแนะมวลชนให้มาร่วมชุมนุมกับม็อบ “จตุพร-ทนายนกเขา”

 

 

ข้อเท็จจริงนี้เห็นได้จากที่ผ่านมา “มวลชนสีแดง” ที่มาเข้าร่วม “คณะหลอมรวมประชาชน” มีบางตา และส่วนใหญ่เป็น “แม่ยก” ของ “จตุพร” ส่วน “ทนายนกเขา” คือ อดีตกลุ่มก๊วน คปท.เก่า รู้กันดีว่าเป็นมวลชนสาย “ฮาร์ดคอร์”เป็นหลัก หรือ อีกนัยหนึ่งคือ เป็นเสมือนการ์ดให้การชุมนุมของ กปปส.

 

เช่นเดียวกับ กลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “99 พลเมือง” เรียกร้องให้ นายกฯประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ 8 ปี โดยเทียบเคียงกับกรณี “ฎีกา 99” สมัย “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์”

 

แม้ว่ากระแสกดดันวาระ 8 ปี “นายกฯบิ๊กตู่”จะร้อนแรง แต่ม็อบที่จะจัดในวันที่ 21-24 ส.ค.นี้  แทบไม่มีพลัง  เพราะ “ฝ่ายการเมือง” รู้กันดีอยู่แล้วว่า ช่วงเวลานี้คือ โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งใหญ่ แถมบทสรุปของเรื่องนี้อยู่ที่อำนาจวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” จึงไม่จำเป็นต้องเอามวลชนเข้าไปสุ่มเสี่ยงให้โดนวินิจฉัยว่า “ล้มล้างการปกครอง”