
KEY
POINTS
ความคืบหน้าเหตุการณ์ กราดยิงบอนได บีช นครซิดนีย์ ประเทศ ออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2025 ได้รับการยืนยันจากตำรวจว่าเป็น "การก่อการร้ายที่มีแรงจูงใจต่อต้านยิว" โดยตำรวจกำลังสอบสวนอย่างเร่งด่วนถึงการเดินทางไป ฟิลิปปินส์ ของผู้ก่อเหตุ และปมความเชื่อมโยงกับกลุ่ม "ไอเอส" (Islamic State)
เหตุการณ์ กราดยิงบอนไดบีช เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2025 เวลาประมาณ 18:47 น. (ตามเวลาท้องถิ่นซิดนีย์) ที่ อาร์เชอร์ พาร์ค ข้างชายหาดบอนได ในซิดนีย์ ออสเตรเลีย โดยพุ่งเป้าไปที่งานเฉลิมฉลองเทศกาล ฮานุกกาห์ ของชุมชนชาวยิว มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 1,000 คน
ผู้ก่อเหตุเป็นพ่อลูกสองคน คือ ซายิด อัคราม (อายุ 50 ปี) ซึ่งเสียชีวิตในการยิงปะทะกับตำรวจ และ นาวีด อัคราม (อายุ 24 ปี) ที่ถูกจับกุมในสภาพอาการสาหัส โดยพวกเขาใช้อาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย (ซายิด มีปืนจดทะเบียน 6 กระบอก) ในการยิงจากสะพานลอยคนเดินเหนือฝูงชน ตำรวจยืนยันว่าแรงจูงใจเป็นการ ก่อการร้ายต่อต้านยิว และได้รับแรงบันดาลใจจากไอเอส โดยมีหลักฐานคือการพบธงไอเอส และอุปกรณ์ระเบิดชั่วคราว (IED) ในรถของผู้ก่อเหตุ
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15-16 คน ซึ่งรวมถึงเด็กอายุ 10 ปี นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 40 คน โดยหนึ่งในนั้นคือ อาห์เหม็ด อัล-อาห์เหม็ด พลเมืองดีที่ได้รับการยกย่องเป็นฮีโร่จากการเข้าต่อสู้แย่งปืนจากผู้ก่อเหตุ
นายมาล แลงยอน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW) ยืนยันว่า การโจมตีครั้งนี้มีแรงบันดาลใจจากกลุ่ม ไอเอส
เพื่อตอบสนองต่อข้อบกพร่องที่ชัดเจนในการเข้าถึงอาวุธปืน รัฐบาลออสเตรเลียจึงประกาศปฏิรูปกฎหมายอาวุธปืนอย่างเร่งด่วน โดยมีมาตรการสำคัญคือ การจำกัดจำนวนปืนที่บุคคลสามารถเป็นเจ้าของ การกำหนดให้ผู้ครอบครองปืนต้องเป็นพลเมืองออสเตรเลีย และการให้ตำรวจมีอำนาจในการพิจารณา "ข้อมูลข่าวกรองอาชญากรรม" (criminal intelligence) มากกว่าเพียงแค่ประวัติอาชญากรรมเท่านั้น
การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น โดยล่าสุดผู้บาดเจ็บที่ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล จาก 40 ลดลงเหลือ 24 คน