
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เดินทางถึงกรุงฮานอยเมื่อคืนวันอาทิตย์ (25 พฤษภาคม)โดยเป็นผู้นำฝรั่งเศสคนแรกที่เยือนเวียดนาม ดินแดนอดีตอาณานิคมในรอบ 10 ปี
เขาเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีเลือง เกื่อง ของเวียดนามในวันจันทร์ (26 พฤษภาคม) และร่วมเป็นสักขีพยานขณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองฝ่ายลงนามข้อตกลงหลายฉบับรวมมูลค่า 10,250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส 20 ลำ, ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์, ทางรถไฟ, ดาวเทียมสังเกตการณ์ และวัคซีนซาโนฟี
เจ้าหน้าที่เวียดนาม เปิดเผยว่า มีการลงนามข้อตกลง 14 ฉบับ ซึ่งน้อยกว่าที่ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสเผยว่า เตรียมการไว้หลายสิบฉบับก่อนการเยือน แต่คาดว่าจะมีการลงนามเพิ่มในวันอังคาร
ในช่วงการแถลงข่าวที่ไม่อนุญาตให้สื่อซักถาม มาครงย้ำจุดยืนของฝรั่งเศส ที่สนับสนุนเสรีภาพการเดินเรือ ซึ่งเป็นประเด็นที่เวียดนามให้ความสำคัญ เนื่องจากมีการเผชิญหน้ากับจีนหลายครั้งเกี่ยวกับกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่า ความเป็นหุ้นส่วนกับเวียดนามตอกย้ำถึงความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งมีการลงนามหลายโครงการทั้งด้านการป้องกันประเทศและอวกาศ
มาครงเยือนเวียดนามเป็นจุดหมายแรกของการเยือน 3 ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจุดหมายต่อไป คือ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ และการเยือนครั้งนี้เป็นความพยายามกระชับความสัมพันธ์กับชาติอาเซียน ในขณะที่ทั้งฝรั่งเศสและอาเซียนกำลังเผชิญความท้าทายจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ
เวียดนามซี่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก กำลังพยายามเจรจากับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อให้ได้รับยกเว้นภาษีศุลกากรสูงถึง 46% ส่วนฝรั่งเศสกำลังเผชิญความเสี่ยงหลังทรัมป์ขู่เมื่อวันศุกร์จะขึ้นภาษีกับสินค้าจากสหภาพยุโรปเป็น 50% ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน แต่ล่าสุดทรัมป์ยอมเลื่อนเส้นตายออกไปเป็นวันที่ 9 กรกฎาคมเพื่อให้เวลาเจรจาต่อรอง