
นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น เยือนกรุงฮานอยของเวียดนามนาน 2 วันตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ และเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรีฝั่ม มิญ จิ๊ญในวันจันทร์ โดยมีเป้าหมายต่อไปในการเยือนฟิลิปปินส์ 2 วัน เขาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 นับจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ท่ามกลางความปั่นป่วนทั่วโลกจากมาตรภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ทั้งสองหารือเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ทางภาษีของจีนต่อสหรัฐฯ รวมถึงระบบการค้าเสรีพหุภาคี นอกจากนี้ทั้งสองยืนยันว่า ทั้งสองประเทศจะทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมระเบียบโลกที่เสรีและเปิดกว้างโดยยึดหลักข้อบังคับ และการค้าเสรีระหว่างประเทศ
ญี่ปุ่นเผชิญอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ 24% และเวียดนามเจออัตรา 46% แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศระงับการเก็บภาษีนาน 90 วัน จนถึงเดือนกรกฎาคม และตัวแทนของทั้งสองรัฐบาลได้เริ่มการเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อต่อรองเรื่องภาษีดังกล่าว
นอกจากนี้ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงทวิภาคี ด้วยการกำหนดจัดการปรุมระดับรัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศและกลาโหม ที่จะเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกภายในปีนี้ และเห็นพ้องเพิ่มความร่วมมือด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศมากยิ่งขึ้น
ทั้งสองคนยังตกลงเพิ่มความร่วมมือด้านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน, การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ, การบรรเทาภัยพิบัติ และการฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์
ผู้นำญี่ปุ่น บอกด้วยว่า ความร่วมมือกับเวียดนามจะส่งเสริมเสถียรภาพและความรุ่งเรืองในภูมิภาค เพราะความสำคัญด้านภูมิรัฐศาสตร์ของทั้งสองประเทศ และทั้งสองประเทศจะเข้าสู่ศักราชใหม่ของความเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญยิ่ง
ก่อนหน้านี้ไม่ถึงสองสัปดาห์ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เพิ่งเยือนเวียดนามระหว่างวันที่ 14-15 และผู้นำจีนเสนอนำเข้าสินค้าเกษตรจากเวียดนามมากขึ้นและเพิ่มการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในเวียดนาม และผู้นำจีนยังบอกด้วยว่า สองประเทศควรร่วมมือกันคัดค้านการรังแกเพียงฝ่ายเดียว และส่งเสริมระบบการค้าเสรีในโลก รวมถึงสร้างเสถียรภาพของซัพพลายเชน หรือ ห่วงโซ่อุปทาน