แอนดี บีเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี ของสหรัฐ เผยเมื่อวันเสาร์ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คน และอีก 10 คน รักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการขั้นวิกฤต หลังจากพายุฝนรุนแรงและทอร์นาโดพัดถล่มในคืนวันศุกร์ ทำให้บ้านเรือนพังย่อยยับ รถยนต์ลอยกระเด็น ประชาชนจำนวนมากไร้ที่อยู่อาศัย ถนนบางส่วนจาก 20 สายถูกปิดไม่ให้สัญจร และอาจใช้เวลาหลายวันกว่าจะเปิดได้
นอกจากนี้เขาคาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก ส่วนประชาชนกว่า 100,000 คน ไม่มีไฟฟ้าใช้ พร้อมกันนี้เขาประกาศภาวะฉุกเฉินใน 5 เคาน์ตี
หน่วยบรรเทาสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐ รายงานว่า บ้านเรือนหลายร้อยหลังได้รับความเสียหาย และหน่วยกู้ภัยกำลังค้นหาผู้รอดชีวิต
ทางการเคนทักกีระบุว่า พายุทอร์นาโดพัดปกคลุมลอเรล เคาน์ตี สร้างความเสียหายวงกว้างไปถึงสนามบินลอนดอน คอร์บินช่วงก่อนเที่ยงคืน
นอกจากนี้รัฐมิสซูรีเผชิญพายุรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของรัฐ และเรดาร์ของสำนักงานพยากรณ์อากาศ ระบุว่า ทอร์นาโดพัดถล่มเมืองเคลย์ตัน รัฐมิสซูรีช่วงบ่ายวันศุกร์ และเมืองเซนต์หลุยส์ได้รับความเสียหายหนักที่สุด มีผู้เสียชีวิต 5 คน
พายุทอร์นาโดเป็นผลมาจากพายุรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน ในรัฐมิสซูรี และอีก 2 คนในรัฐเวอร์จิเนีย และพายุยังทำให้เกิดทอร์นาโดในรัฐวิสคอนซิน คลื่นร้อนในรัฐเท็กซัส และบางส่วนของรัฐอิลลินอยส์
สื่อรายงานตั้งคำถามเช่นเดียวกับความกังวลของผู้เชี่ยวชาญว่า การที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปลดเจ้าหน้าที่จำนวนมากในสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ ทำให้ทีมพยากรณ์อากาศลดน้อยจนอยู่ในระดับอันตราย จะส่งผลกระทบต่อการเตือนภัยสภาพอากาศรุนแรงหรือไม่ โดยมีเจ้าหน้าที่ราว 500 คน จาก 4,200 คน ถูกปลดหรือให้เกษียณก่อนกำหนดในปีนี้