โฆษกสำนักงานป้องกันพลเรือนของฉนวนกาซา เผยว่า มีประชาชนเกือบ 100 คน เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลภายในเวลาไม่ถึง 12 ชม. ในวันศุกร์ (16 พฤษภาคม) โดยอิสราเอลโจมตีครั้งใหญ่ทั้งทางบก ทางอากาศและทางทะเลตั้งแต่เช้ามืด
ขณะที่สื่อรายงานมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน ในการโจมตีล่าสุดที่พุ่งเป้าทั้งในเมืองเบอิต ลาฮิยา และค่ายผู้อพยพจาบาเลีย นอกเหนือจาก 143 คน ที่เสียชีวิตจากการโจมตีในวันพฤหัสบดี
กระทรวงสาธารณสุขของกาซา รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้นเกินกว่า 53,000 คน นับจากอิสราเอลเริ่มเปิดฉากสงครามกวาดล้างฮามาสในเดือนตุลาคม 2566 หลังจากฮามาสบุกสังหารชาวอิสราเอลราว 1,200 คน และจับตัวประกันไปราว 250 คน นอกจากนี้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 2,985 คน และผู้บาดเจ็บ 8,173 คน นับจากสิ้นสุดข้อตกลงหยุดยิง และอิสราเอลกลับมาเริ่มการโจมตีอีกครั้งในวันที่ 18 มีนาคม
กองทัพอิสราเอล ยืนยันว่า กำลังทำลายโครงสร้างพื้นฐานของผู้ก่อการร้ายในภาคเหนือของกาซา และกำจัดผู้ก่อการร้ายได้จำนวนหนึ่ง โดยการโจมตีล่าสุดเป็นปฏิบัติการทางพื้นดินในภาคเหนือครั้งใหญ่ที่สุด นับจากอิสราเอลกลับมาเริ่มการสู้รบในเดือนมีนาคม และเครื่องบินรบได้โปรยใบปลิวเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนอพยพออจากหลายพื้นที่
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยกระดับการโจมตีฉนวนกาะปล่อยตัวประกันที่เหลือก่อนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สิ้นสุดการเยือน 3 ชาติในตะวันออกกลาง
ขณะที่ทรัมป์มุ่งหน้ากลับกรุงวอชิงตันแล้วในวันนี้ หลังเสร็จสิ้นการเยือนซาอุดิอาระเบีย, กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์รวมระยะเวลา 4 วัน โดยไม่มีการแวะเยือนอิสราเอลหรือปาเลสไตน์ แม้เดิมมีการคาดหวังกันว่า การเยือนของเขาจะช่วยผลักดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงหรือการอนุญาตให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ฉนวนกาซา
อิสราเอลระงับการจัดส่งอาหาร ยาและสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ เข้าสู่ฉนวนกาซาตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม โดยหวังว่าการปิดกั้นความช่วยเหลือควบคู่กับปฏิบัติการทางทหาร จะกดดันให้ฮามาสยอมปล่อยตัวประกันที่เหลือ และในต้นเดือนนี้คณะรัฐมนตรีอิสราเอลมีมติอนุมัติแผนใหม่ของสงคราม ที่จะยึดครองพื้นที่ฉนวนกาซาทั้งหมด และย้ายชาวปาเลสไตน์ออกไปจากฉนวนกาซาตอนใต้