ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ร่วมหารือกับประธานาธิบดีชีค โมฮาเหม็ด บิน ซาอิด อัล นาห์ยาน ของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ หรือ ยูเออี ที่กรุงอาบูดาบีเมื่อวันพฤหัสบดี (15 พฤษภาคม) เขาสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับยูเออีรวม 200,000 ล้านดอลลาร์ และยูเออียืนยันตามคำมั่นที่ประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ ด้านโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI, เซมิคอนดักเตอร์, พลังงาน และการผลิตของอเมริการวม 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ทรัมป์ซึ่งเยือนยูเออีเป็นชาติสุดท้ายของการเยือน 3 ชาติอาหรับ ยังอ้างด้วยว่า เขาสามารถทำข้อตกลงทั้งด้านเทคโนโลยี, ธุรกิจ และการทหารกับยูเออี, ซาอุดิอาระเบีย และกาตาร์รวมมูลค่า 10 ล้านล้านดอลลาร์
ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เปิดเผยด้วยว่า หนึ่งในข้อตกลงที่สองฝ่ายได้ลงนาม คือ สายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์ ของยูเอเอี จะซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787 และ 777x จำนวน 28 ลำ มูลค่า 14,500 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทั้งสองประเทศตกลงประกาศกรอบความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา AI ระหว่างสหรัฐฯ และยูเออี และจะร่วมกันสร้างศูนย์ข้อมูล AI 5 กิกะวัตต์ ในกรุงอาบูดาบี ที่จะมีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อีกด้วย
สหรัฐฯ คาดหวังว่า โครงการนี้จะทำให้บริษัท AI และคลาวด์ ของอเมริกันขยายฐานในตะวันออกกลาง และให้บริการในภูมิภาคนี้ได้มากขึ้น ในขณะที่ยูเออี คาดหวังว่า ความร่วมมือกับสหรัฐฯ จะทำให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายในการผู้นำโลกด้าน AI ภายในปี 2574
และหากข้อเสนอการลงทุนเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ใน 3 ชาติอาหรับ โดยเฉพาะในยูเออี รวมกัน จะทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นมหาอำนาจแห่งที่ 3 ในเวทีการแข่งขันด้าน AI ของโลก รองจากสหรัฐฯ และจีน