
ในขณะที่คริสตจักรโรมันคาทอลิก มาถึงจุดที่ตำแหน่งพระสันตะปาปา "ว่างลง" (Sede Vacante) หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส กระบวนการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ กำลังเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางการจับตามองจากชาวคาทอลิกทั่วโลก ว่าใครที่จะก้าวขึ้นมาเป็นประมุของค์ใหม่แห่งศาสนจักรที่ยิ่งใหญ่นิกายนี้
กระบวนการเลือกพระสันตะปาปาหรือโป๊ป จะเป็นการ "ลงคะแนนลับ" โดยคณะพระคาร์ดินัลจะโหวตเลือกผู้ที่เหมาะสม แต่ขั้นตอนทั้งหมดจะเกิดขึ้นในห้องปิดผนึก ที่โลกภายนอกจะไม่รับรู้อะไรนอกจากสัญญาณควัน ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า (Conclave) ซึ่งมีที่มาจากภาษาละติน 2 คำ คือ Cum (ด้วย) และ Clave (กุญแจ) เพื่อสื่อถึงการปิดประตูลงกลอน ขังบรรดาพระคาร์ดินัลไว้ภายในห้องที่ทำการลงคะแนนเสียง ตลอดระยะเวลาของการลงคะแนนเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่
ปกติ หลังจากพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ หรือลาออก ประมาณ 15-20 วัน การเลือกตั้งพระสันตะปาปาจะเริ่มต้นขึ้น โดยทิ้งช่วงเวลา 2-3 อาทิตย์ก่อนการเลือกตั้ง ให้พระคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปีทุกคน จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง สามารถเดินทางไปกรุงโรม ซึ่งเป็นสถานที่สรรหาพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ก่อนที่กระบวนการสรรหาจะเริ่มขึ้น ทั้งยังจะช่วยให้พระคาร์ดินัลจากประเทศต่างๆ ได้ทำความรู้จักกันและกัน สามารถพิจารณาไตร่ตรองความต้องการของพระศาสนจักรในปัจจุบันด้วย
ในปีนี้ มีพระคาร์ดินัลหลายคน ที่สื่อหลายสำนักยกให้เป็นตัวเก็งที่จะได้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา แต่ก็มีพระคาร์ดินัลคนหนึ่ง ที่แม้จะไม่ได้เป็นตัวเก็ง แต่ก็ตกเป้าสนใจคือ พระคาร์ดินัลชาร์ลส หม่อง โบ วัย 76 ปี ซึ่งเป็นพระคาร์ดินัล "ชาวเมียนมา" คนแรกและคนเดียว ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เมื่อปี 2558
พระคาร์ดินัลโบ เกิดในครอบครัวฐานะยากจน เมื่อปี 2491 มีพี่น้องรวมทั้งตัวเขา 10 คน ที่หมู่บ้านมอนลา ทางภาคกลางของเมียนมาร์ ซึ่งมีประเพณีทางศาสนาที่ฝังรากลึก เนื่องจากเป็นบ้านของชาวคาทอลิกกลุ่มแรกๆ ของประเทศ จากการชักนำของมิชชันนารีชาวโปรตุเกสเมื่อกว่า 400 ปีก่อน
หลังได้รับการแต่งตั้ง พระคาร์ดินัลโบ มีบทบาทที่โดดเด่นในการเป็นตัวแทนสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส และคริสตจักรเมียนมาร์ รวมถึงการเข้าร่วมประชุมสุดยอด ผู้นับถือศาสนาระดับนานาชาติในนามของพระสันตปาปาในโอกาสต่างๆ
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในพระคาร์ดินัลอาวุโสของเอเชีย พระคาร์ดินัลโบได้รับความเคารพนับถือจากนานาชาติอย่างมาก ในการเป็นผู้นำท่ามกลางความวุ่นวายหลายสิบปีในเมียนมาร์ รวมถึงช่วงการปฏิรูปสั้นๆ ตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จนได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขความอยุติธรรม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชน สันติภาพ การปรองดอง และการสนทนาระหว่างศาสนา
คณะพระคาร์ดินัล ระบุในรายงานว่า ประสบการณ์การเป็นผู้นำอันกว้างขวาง และบทบาทในสหพันธ์การประชุมบาทหลวงแห่งเอเชีย ทำให้พระคาร์ดินัลโบ มีศักยภาพที่จะเป็นพระสันตปาปาได้