svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

"อีลอน มัสก์" ทวงคืนตำแหน่งบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก หลังหุ้นเทสลาพุ่งทะยาน

อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg Billionaires Index รายงานไว้ว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอบริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากสหรัฐ กลับมาเป็น"บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก" รายงานนี้ระบุเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมานี่เอง กลายเป็นเจ้าของตำแหน่งรวยที่สุดในโลกอีกครั้ง

เป็นชื่อที่ทั่วโลกจับตาตลอดเวลา ล่าสุด นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเทสลา (Tesla) มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น 40.3% สู่ระดับ 192,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ หลังหุ้นเทสลาปรับตัวขึ้นประมาณ 24% ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยแฟ็กต์เซ็ต (FactSet) ระบุว่า นายมัสก์ถือหุ้นเทสลาอยู่ประมาณ 13%

"อีลอน มัสก์" ทวงคืนตำแหน่งบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก หลังหุ้นเทสลาพุ่งทะยาน ขณะเดียวกัน นายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานและซีอีโอของบริษัทแอลวีเอ็มเอช โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง (LVMH) ที่ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 หล่นไปอยู่ที่อันดับสอง มูลค่าสินทรัพย์รวม 186,600 ล้านดอลลาร์ หลังหุ้น LVMH ร่วงลง 2.6% ในการซื้อขายเมื่อวันพุธ (31 พ.ค.)

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า ก่อนหน้านี้ อีลอน มัสก์ถูกนายอาร์โนลต์ ประธานและซีอีโอของ LVMH ช่วงชิงตำแหน่ง บุคคลที่รวยที่สุดในโลกไปได้ เมื่อประมาณเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว (2565) หลังจากที่หุ้นเทสลาร่วงอันเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ อีลอน มัสก์ เข้าไปซื้อกิจการทวิตเตอร์ด้วยเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของนายมัสก์นั้นเกี่ยวพันกับหุ้นของเทสลา

"อีลอน มัสก์" ทวงคืนตำแหน่งบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก หลังหุ้นเทสลาพุ่งทะยาน

โดยในไตรมาสแรกของปี 2566 หุ้นของเทสลาขยับราคาเพิ่มขึ้นถึง 65.6% ดันให้สัดส่วนการตอบแทนของมัสก์ที่ถือหุ้นอยู่ 13% (หรือคิดเป็น 71% ของทรัพย์สินทั้งหมดของเขา) ขยับขึ้นตามไปด้วย ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นนั้น ยังได้รับอานิสงส์จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาด้วย หลังจากการปรับราคาลงในสหรัฐอเมริกา

ยิ่งไปกว่านั้น หุ้นเทสลายังพุ่งขึ้นอีกหลังจากที่นายมัสก์เดินทางเยือนประเทศจีนครั้งแรกในรอบ 3 ปีช่วงต้นสัปดาห์นี้ และได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนรวมทั้งนายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน นายหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจิน จ้วงหลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งนายติง เซวียเสียง รองนายกรัฐมนตรีจีน ระหว่างวันที่ 30-31 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา

"อีลอน มัสก์" ทวงคืนตำแหน่งบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก หลังหุ้นเทสลาพุ่งทะยาน อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>

ในส่วนของภาคเอกชน เขายังได้พบกับนายเจิ้งอวี่ฉวิน ประธานบริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน นักวิเคราะห์ระบุว่า ภารกิจเยือนจีนครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจีนนั้นเป็นตลาดที่มีความสำคัญสำหรับเทสลา จีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองของเทสลา(รองจากสหรัฐอเมริกา) และเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทด้วย ขณะที่รัฐบาลจีนเองก็ให้ความสำคัญกับการลงทุนของเทสลาที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจีนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก

หุ้นเทสลาปิดบวก 1.38% แตะที่ 203.93 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (31 พ.ค. 2566)


เปิดเส้นทางชีวิต อีลอน มัสก์ คือใคร 
อีลอน รีฟ มัสก์ ผู้ชายคนนี้เกิดในปี 2514 ที่ กรุงพริทอเรีย เมืองหลวงของประเทศแอฟริกาใต้ เป็นพี่ชายคนโตในหมู่พี่น้อง 3 คน มีพ่อเป็นวิศวกรชาวแอฟริกาใต้ แม่เป็นนางแบบและนักโภชนาการชาวแคนาดา

หลังจากพ่อแม่ของมัสก์หย่าขาดจากกัน ในช่วงปี 2523 มัสก์ ใช้ชีวิตกับพ่อเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไม่น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีนัก เพราะนายมัสก์เคยกล่าวว่า พ่อของเขาเป็นมนุษย์ที่เลวร้าย “ความชั่วร้ายเกือบทั้งหมดที่คุณจะสามารถคิดได้นั้น เขาทำมันมาหมดแล้ว”

มัสก์ เข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมการศึกษา Waterkloof House ซึ่งเป็นโรงเรียนพูดภาษาอังกฤษ ก่อนจะเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมชายล้วนในกรุงพริทอเรีย เขาอ้างว่าตัวเองเป็นหนอนหนังสือ มีเพื่อนเพียงไม่กี่คน และเป็นเด็กที่ถูกรังแก

นายมัสก์เล่าด้วยว่า

ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกเพื่อนร่วมโรงเรียนล่อลวงไปซ้อม 

"อีลอน มัสก์" ทวงคืนตำแหน่งบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก หลังหุ้นเทสลาพุ่งทะยาน

เทคโนโลยีจึงกลายเป็นโลกอีกใบของมัสก์

ตอนมัสก์มีอายุได้ 10 ขวบ เขาได้รู้จักกับการเขียนโปรแกรมด้วยคอมพิวเตอร์ VIC-20 ไม่นานหลังจากนั้น อีลอน มัสก์ ก็เชี่ยวชาญการเขียนโปรแกรมมากพอจนสร้างเกม Blastar ซึ่งมีสไตล์คล้ายเกมชื่อดังในยุคนั้นอย่าง Space Invaders ขึ้นมา ก่อนจะขาย BASIC code ของเกมที่ว่าให้นิตยสารคอมพิวเตอร์เจ้าหนึ่งในราคา 500 ดอลลาร์ ลือสนั่นกันมาว่า นายมัสก์กับน้องชายเคยวางแผนเปิดร้านเกมตู้ใกล้โรงเรียนด้วย แต่ถูกพ่อแม่จับได้เสียก่อน

ต่อมา มัสก์ ก็ย้ายไปอยู่แคนาดาตอนอายุ 17 ปี โดยได้รับสัญชาติแคนาดาผ่านทางแม่ โดยเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยควีนส์ ในเมืองคิงสตัน ที่ซึ่งเขาได้พบกับ จัสติน วิลสัน ภรรยาคนแรกของเขา โดยทั้งคู่แต่งงานและมีลูกชายถึง 5 คน เป็นแฝด 2 และแฝด 3 ก่อนจะหย่ากันในปี 2551

หลังจากเรียนที่มหาวิทยาลัยควีนส์ได้ 2 ปี อีลอน มัสก์ ก็ย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียในสหรัฐฯ เลือกวิชาเอก 2 ตัว แต่เขาไม่ได้เรียนอย่างเดียว เขากับเพื่อนนักศึกษาอีกคน ซื้อหอพักขนาด 10 ห้องนอนและใช้เป็นเหมือนไนต์คลับส่วนตัว ก่อนที่มัสก์จะเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์เอกฟิสิกส์ และสาขาศิลปศาสตร์เอกเศรษฐกิจจากโรงเรียน วาร์ตัน

พอมัสก์ อายุได้ 24 ปี ได้ย้ายไปที่ประเทศแคนาดา เพื่อเรียนต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แต่เนื่องจากยุคนั้นเป็นช่วงที่อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟูขึ้นมาและซิลิคอนวัลเลย์กำลังบูม ทำให้วิสัยทัศน์ในฐานะนักธุรกิจของมัสก์พรั่งพรู จนทำให้เขาล้มเลิกเรื่องการต่อปริญญาเอกทันที หลังจากสมัครเข้าเรียนได้เพียงแค่ 2 วัน!! 

ในปี 2538 อีลอน มัสก์ กับ "คัมบัล" น้องชาย ร่วมลงขันลงทุน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ เปิดบริษัท Zip2 บริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ในรูปแบบเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้หนังสือพิมพ์เจ้าต่างๆ สามารถพัฒนาไกด์ชมเมืองออนไลน์ของตัวเอง ก่อนที่ 4 ปีต่อมา มัสก์จะขาย Zip2 ให้บริษัท Compaq Computer Corp. ในราคา 341 ล้านดอลลาร์ แล้วใช้เงินนั้นมาเปิดบริษัท X.com ผู้พัฒนาเทคโนโลยีการเงิน (fintech) ซึ่งยังเป็นคำที่ไม่ได้ใช้กันแพร่หลายในยุคนั้น

ต่อมา X.com ได้ผสานรวมกับบริษัทโอนเงินชื่อ Confinity และ กลายเป็นบริษัท PayPal ซึ่ง ปีเตอร์ ธีล อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้งได้ขับมัสก์ออกจากบริษัท ก่อนที่ Ebay จะซื้อ PayPal ไปในราคา 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มัสก์ก็ยังได้เงินจากการซื้อครั้งนี้ ผ่านหุ้น PayPal 11.7% ที่เขาถืออยู่

อีลอน มัสก์ เข้ามามีร่วมธุรกิจกับ Tesla ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อ Tesla Motor ในฐานะนักลงทุนแรกเริ่มเมื่อปี 2547 โดยสนับสนุนเงินทุกจำนวน 6.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเข้าร่วมทีมบริหารบริษัทร่วมกับนาย มาร์ติน เอเบอร์ฮาร์ด ผู้รับตำแหน่งซีอีโอ อย่างไรก็ตาม เกิดความไม่ลงรอยกันหลายอย่างในบริษัท ทำให้นายเอเบอร์ฮาร์ดถูกถอดออกจากตำแหน่งในปี 2550 ก่อนที่นายมัสก์จะรับตำแหน่งซีอีโอกับฝ่ายสถาปัตยกรรมผลิตภัณฑ์ และทำให้ Tesla กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

ขณะเดียวกัน มัสก์ ใช้เงินส่วนใหญ่ที่ได้จากเงิน 180 ล้านดอลลาร์ที่ได้จากการขายหุ้น PayPal ในการก่อตั้งบริษัท เทคโนโลยีการสำรวจอวกาศ (Space Exploration Technologies Corporation) ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ SpaceX ในปี 2545 และปัจจุบันกลายเป็นผู้ผลิตจรวดนำส่งรายใหญ่ของโลก ได้ทำสัญญาณขนส่งกับองค์การนาซา และนายมัสก์วางแผนจะส่งนักบินอวกาศไปยังดาวอังคารให้ได้ภายในปี 2568 ด้วยความร่วมมือกับนาซา

เปิดบทสัมภาษณ์สนั่นโลก

ครั้งหนึ่ง อีลอน มัสก์ เคยเปิดโอกาสให้สัมภาษณ์กับ สำนักข่าวดังอย่าง ซีเอ็นบีซี โดยประเด็นที่เขาเสนอนั่นก็คือ การทำงานจากที่บ้านเป็นสิ่งที่ไร้สาระ และเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยีของ ทวิตเตอร์ เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ถึงประเด็นในเรื่องของการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from home ซึ่งตอนนั้น มัสก์ บอกว่า เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไร้สาระ รวมถึงทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมของเนื้องานและตำแหน่งงานที่ไม่สามารถทำงานจากที่บ้าน

จากการให้สัมภาษณ์ของอีลอน มัสก์ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะนับตั้งแต่มัสก์ ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของทวิตเตอร์ เขาได้สั่งแบนการทำงานจากที่บ้านแทบจะทันที พร้อมกับกระตุ้นให้คนทำงานทวิตเตอร์ต้องทำงานแบบมุ่งมั่น ทุ่มเทสุดๆ หรือว่ากันว่าทำงานในระดับฮาร์ดคอ

เช่นเดียวกับการทำงานที่เทสลา ซึ่งมัสก์ให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศตั้งแต่มิถุนายน 2022 อีกทั้ง มัสก์ ยังย้ำเตือนอีกว่า 

ถ้าหากไม่กลับมาทำงานที่ออฟฟิศก็ควรต้องหางานใหม่ และการทำงานที่ออฟฟิศก็ควรใช้เวลาขั้นต่ำ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

“ถ้าคุณต้องการทำงานที่เทสลา ถ้าคุณต้องการทำงานที่สเปซเอ็กซ์ หรือคุณต้องการทำงานที่ทวิตเตอร์ คุณต้องทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน” มัสก์ กล่าว

อีลอน มัสก์ กล่าวอีกว่า 

"การทำงานจากที่บ้านเป็นสิ่งที่ไม่มีประสิทธิผลในการทำงานที่ดีนัก" 

นอกจากนี้ มัสก์ ยังตอกย้ำอีกว่า 

"เขาชอบทำงานแบบเห็นหน้าค่าตา (In person) มากกว่า" 

ปัจจุบัน อีลอน มัสก์ บริหารธุรกิจหลักใน 5 บริษัท ประกอบไปด้วย 

  • เทสลา (Telsa) แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
  • บริษัท สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) บริษัทเทคโนโลยีอวกาศยานและสถานีอวกาศ
  • บริษัท บอริง (Boring Company) บริษัทผู้เชี่ยวชาญงานวางระบบอุโมงค์ใต้ดินในสหรัฐ ผู้ผลิต Las Vegas Convention Center (LVCC), Hyperloop Test Track และ R&D Tunnel
  • บริษัท นิวรัลลิงค์ คอร์ปอเรชัน (Neuralink Corporation) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีประสาทที่กำลังพัฒนาโปรเจกต์เชื่อมโยงระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์
  • บริษัท ทวิตเตอร์ (Twitter)บริษัทโซเชียลมีเดียยอดนิยม ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "เอ็กซ์คอร์ป" (X Corp)

อีลอน มัสก์ เป็นเจ้าของทวิตเตอร์ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ด้วยมูลค่าการซื้อขายกิจการที่ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังการซื้อกิจการเสร็จสิ้น มัสก์ ปลดปารัก อักราวัล ซีอีโอของทวิตเตอร์ในเวลานั้นทันที รวมถึงผู้บริหารคนอื่นๆ พร้อมกับพนักงานอีกเป็นจำนวนมาก

การเข้ามาของอีลอน มัสก์ ในทวิตเตอร์ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยมีการออกผลิตภัณฑ์แบบ Subscription ที่มีชื่อว่า Twitter Blue พร้อมด้วยการเปลี่ยนสัญลักษณ์ยืนยันตัวจากเดิมที่มีแค่สีน้ำเงิน เพิ่มเป็นสีทอง และสีเทา รวมถึงการส่งเสียงเรียกร้องให้พนักงานทำงานในระดับฮาร์ดคอร์

อีลอน มัสก์ เผย การซื้อทวิตเตอร์คือความเจ็บปวด

เจ้าของทวิตเตอร์คนใหม่ อีลอน มัสก์ เผยความรู้สึกหลังซื้อบริษัททวิตเตอร์ ว่าเป็นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น

อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง ทวิตเตอร์ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วได้ตัดสินใจในนาทีสุดท้ายที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อสัญชาติอังกฤษอย่าง บีบีซี หลังก่อนหน้านี้มีประเด็นโต้แย้งกัน เรื่องที่ทวิตเตอร์ติดป้ายกำกับบัญชีของบีบีซีว่าเป็น "สื่อที่ได้รับทุนจากรัฐบาล" ซึ่งบีบีซีคัดค้านและขอให้ทางทวิตเตอร์แก้ไขโดยเร็วที่สุด โดยระบุว่าบีบีซีคือสื่อที่เป็นอิสระ ได้รับเงินสนับสนุนจากประชาชนอังกฤษผ่านค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และมัสก์รับปากว่าจะพิจารณาการระบุข้อมูลที่เหมาะสมอีกครั้ง

โดยในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ มัสก์ ได้เปิดเผยถึงช่วงเวลาในการบริหารทวิตเตอร์ ว่า

มันไม่เคยน่าเบื่อ แต่เป็นเหมือนการเล่นรถไฟเหาะโรลเลอร์โคสเตอร์ และสิ่งต่าง ๆ ก็ดำเนินไปได้ด้วยดีพอสมควร  

เมื่อถามถึงเหตุผลที่ทำให้เปลี่ยนใจกลับมาซื้อทวิตเตอร์ ทั้งที่ตอนแรกเขาถอนตัวออกจากการเสนอราคาไปแล้ว ว่าเป็นเพราะผู้พิพากษาสั่งให้ทำเช่นนั้นหรือไม่ เขาหัวเราะก่อนจะยอมรับว่า "ใช่ นั่นคือเหตุผล" เขาบอกด้วยว่า ทวิตเตอร์มีอาคารสำนักงานที่ดี แต่รายรับที่มีแสดงให้เห็นว่ามันกำลังจะตกยุค กระแสการเงินติดลบ ถูกบริหารเหมือนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร

เมื่อถูกถามว่ารู้เสียใจกับการซื้อทวิตเตอร์หรือไม่ อีลอน มัสก์ ตอบว่า เขารู้สึก "เจ็บปวด" อย่างรุนแรง เขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยืนยันว่าการซื้อบริษัทเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แม้จะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมาย แต่มัสก์ยังเชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

อีลอน มัสก์ ยังเปิดเผยอีกว่า

ความเจ็บปวดส่วนใหญ่มาจากการถูกสื่อรุมตำหนิเกี่ยวกับ "ความเครียดทางอารมณ์" หลังซื้อทวิตเตอร์ และถูกโจมตีด้วยเรื่องส่วนตัว หรือในบางครั้งก็ถูกใส่ร้าย แต่เขายังมองว่าการที่สื่อมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกยังถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะในบางประเทศสื่อไม่มีสิทธิแม้แต่จะพูดถึงเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับผู้มีอำนาจ

เจ้าของทวิตเตอร์ยังแสดงออกถึงจุดยืนที่จะไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดการแบนแอพลิเคชั่น TikTok ของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยระบุว่า แม้การแบน TikTok อาจทำให้คนหันกลับมาใช้งานทวิตเตอร์มากขึ้น แต่เขาก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่ดี

"อีลอน มัสก์" ทวงคืนตำแหน่งบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก หลังหุ้นเทสลาพุ่งทะยาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>

สนใจอ่านต่อ >> คลิกดูอันดับ Bloomberg Billionaires Index ทั้งหมด คลิกที่นี่

ขอขอบคุณที่มา: ฐานเศรษฐกิจ/ โต๊ะตปท.