ภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในตุรกีใกล้ชายแดนซีเรียเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ทำให้มีผู้เสียชีวิตในสองประเทศเกินกว่า 36,000 ราย โดยเฉพาะในตุรกี มีผู้เสียชีวิต 31,643 ราย และซีเรียมีผู้เสียชีวิต 4,614 ราย
และแม้จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังครบหนึ่งสัปดาห์ของภัยพิบัติครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี แต่ยังคงมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในตุรกี โดยเด็กหญิงวัย 13 ปีได้รับการช่วยเหลือจากตึกที่พังถล่มในจังหวัดฮาทัย หลังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนาน 182 ชม. หญิงวัย 70 ปีได้รับการช่วยเหลือจากซากตึกสูง 3 ชั้นในจังหวัดฮาทัย หลังผ่านพ้นมานาน 178 ชม. และเด็กหญิงอีกคนรอดชีวิต หลังติดอยู่ใต้ซากอะพาร์ตเมนต์ในเมืองอาดิยามานเป็นเวลา 178 ชม.
แต่ในบางพื้นที่หน่วยค้นหากู้ภัยเริ่มยุติภารกิจ และมีการเคลียร์เศษซากปรักหักพังรวมทั้งหน่วยค้นหากู้ภัยของเยอรมีเสร็จสิ้นภารกิจในพื้นที่จังหวัดฮาทัยและเตรียมเดินทางกลับประเทศแล้ว
นอกจากนี้มีข่าวเศร้าด้วยว่า โปรเตโอ สุนัขกู้ภัย 1 ใน 16 ตัวของเม็กซิโก ที่ถูกส่งไปช่วยภารกิจค้นหากู้ภัย ประสบเหตุร้ายขณะปฏิบัติหน้าที่ และซากปรักหักพังถล่มลงมาทับตายเมื่อวันอาทิตย์
านสมาคมผู้ประกอบการและธุรกิจตุรกี ประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากแผ่นดินไหวว่า อาจสูงถึง 84,100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง การสร้างที่อยู่อาศัย โครงข่ายไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดหาที่พักพิงชั่วคราวทั้งระยะสั้น, กลาง และยาวให้กับผู้ไร้ที่อยู่อาศัยหลายแสนคน
ขณะที่มาร์ติน กริฟฟิธส์ ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการมนุษยธรรมและบรรเทาภัยฉุกเฉิน กล่าวขณะเยี่ยมพื้นที่ในเมือง อเลปโป ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียที่อยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏ กล่าวว่า ภารกิจค้นหากู้ภัยใกล้จะยุติลงในเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พุ่งความสนใจในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัยด้วยการจัดหาที่อยู่อาศัย อาหาร การเรียนการสอน และการเยียวยาจิตใจ และยูเอ็นจะช่วยให้มีการจัดส่งความช่วยเหลือจากพื้นที่รัฐบาลซีเรียเข้าไปในพื้นที่กบฏ
และมีรายงานว่า รถบรรทุกของยูเอ็น 52 คันลำเลียงความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่ของกบฏซีเรียแล้วผ่านจุดผ่านแดนของตุรกีที่เปิดอยู่เพียงจุดเดียวในเวลานี้ และมีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้มีการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มมากขึ้น