นายกรัฐมนตรีหญิงวัย 42 ปี แถลงในวันพฤหัสบดีว่า เธอจะไม่ลงสมัครในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 ต.ค. และคาดว่าจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนถึงวันที่ 7 ก.พ.
เธอชี้แจงว่า การลาออกจากตำแหน่งครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะงานหนัก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เธอคงลาออกตั้งแต่สองเดือนแรกที่รับหน้าที่นี้ และไม่ได้ลาออกเพราะเชื่อว่า พรรคจะไม่ชนะเลือกตั้ง แต่เพราะเชื่อว่า พรรคสามารถและชนะได้ และจำเป็นต้องมีคนใหม่ ๆ เข้ามารับผิดชอบสำหรับความท้าทายข้างหน้า
นอกจากนี้เธอบอกว่า ต้องการลาออก เพราะตำแหน่งที่มีสิทธิพิเศษนี้มาพร้อมกับความรับผิดชอบ เป็นความรับผิดชอบที่รู้ตัวว่า เมื่อใดเป็นเวลาที่คุณเป็นบุคคลที่เหมาะสมเข้าบริหารประเทศ และเมื่อใดไม่ใช่บุคคลนั้น ขณะที่เวลานี้เธอรู้ตัวว่าไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะทำหน้าที่นี้แล้ว หลังจากช่วง 5 ปีครึ่งได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ และเผชิญกับความท้าทายใหญ่ ๆ หลายเรื่อง และตอนนี้ถึงเวลาต้องไปแล้ว
ส่วนแผนการในอนาคต เธอบอกว่า จะยังพยายามหาทางทำงานอื่น ๆ เพื่อประเทศต่อไป และใช้เวลากับครอบครัวอีกครั้ง เพื่อดูแล นีฟ ลูกสาว ที่กำลังจะเข้าโรงเรียนในปีนี้ และเพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับ คลาร์ก คู่ชีวิตของเธอ
นักวิเคราะห์ มองว่า การประกาศลาออกของเธอเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างมาก เพราะผลโพลล์ต่าง ๆ บ่งชี้ว่า ชาวนิวซีแลนด์ยังอยากให้เธอเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แม้คะแนนนิยมของพรรคตกลงจากช่วงที่เคยพุ่งสูงสุดในการเลือกตั้งปี 2563 และยังไม่มีใครเป็นตัวเต็งโดดเด่นพอที่จะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
ในช่วง 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา อาร์เดิร์นได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลกเกี่ยวกับความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 การรับมือกับภัยพิบัติจากภูเขาไฟระเบิด และเหตุก่อการร้ายที่มือปืนบุกกราดยิงมัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชในปี 2562 แต่คะแนนนิยมลดลงในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาจากปัญหาเงินเฟ้อ และความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นในประเด็นนโยบายบางอย่าง