ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ให้การต้อนรับประธานาธิบดี เอ็มมานูแอล มาครง ของฝรั่งเศสที่เยือนสหรัฐฯ แบบรัฐพิธีเป็นครั้งแรก นับจากไบเดนเข้ารับตำแหน่ง ทั้งสองหารือร่วมกันที่ทำเนียบขาว และออกแถลงการณ์ร่วมกันโดยให้คำมั่นว่า จะยังคงให้การสนับสนุนยูเครนในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของตัวเอง โดยจะเพิ่มการจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้กับยูเครน และมีแผนจัดการประชุมนานาชาติว่าด้วยยูเครนในกรุงปารีสของฝรั่งเศสในวันที่ 13 ธ.ค.
นอกจากนี้ไบเดน กล่าวด้วยว่า เขาพร้อมจะเจรจากับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย หากปูตินตัดสินใจมุ่งแสวงหาหนทางยุติสงครามในยูเครน แต่ก็ย้ำด้วยว่า ปูตินยังไม่เคยทำเช่นนั้น และประธานาธิบดี มาครง บอกว่า ทั้งสองคนจะไม่มีทางโน้มน้าวให้ชาวยูเครนยอมประนีประนอมใด ๆ ในสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้สำหรับพวกเขา
ต่อมา ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซีย แถลงว่า ประธานาธิบดีของรัสเซียเปิดกว้างเสมอสำหรับการเจรจาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และหนทางที่ปรารถนาที่สุดเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ของชาติ คือ การใช้วิถีทางการทูตและสันติวิธี
แต่เปสคอฟ บอกด้วยว่า รัสเซียยังไม่พร้อมยอมรับเงื่อนไขของสหรัฐฯ โดยบอกว่า สิ่งที่ไบเดนพูด คือ การเจรจาจะเกิดขึ้นได้หากปูตินถอนกำลังออกจากยูเครนเท่านั้น เงื่อนไขที่สร้างความซับซ้อนให้กับการแสวงหาจุดร่วมสำหรับการเจรจา คือ สหรัฐฯ จะไม่ยอมรับ “ดินแดนใหม่” ในยูเครน ที่รัสเซียผนวกรวมเข้ากับประเทศเมื่อช่วงสิ้นเดือน ก.ย.