เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (The Consumer Price Index) หรือ CPI ที่ถูกเผยแพร่โดยสำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics) เมื่อวันอังคาร (13 กันยายน) แสดงให้เห็นว่าสินค้าทุกรายการในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.3% ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 ถึงเดือนสิงหาคม 2565 โดยเฉพาะราคาเชื้อเพลิงปรับขึ้น 25.6% ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 15.87% และราคาอาหารเพิ่มขึ้น 11.4% ซึ่งราคาอาหารที่เพิ่มขึ้น 11.4% ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 43 ปี
ในส่วนของอัตราเงินในเดือนสิงหาคมนี้ ถือว่าลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากระดับ 9.1% ในเดือนมิถุนายน ที่เป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี โดยได้อานิสงค์จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่บริการด้านอื่น ๆ เช่น ด้านขนส่งค่าน้ำประปา ค่าบำบัดน้ำเสีย ตลอดจนค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา หรือแม้กระทั่งรถยนต์มือ 1 กลับปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ตัวเลขที่ลดลงในเดือนสิงหาคม น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
แต่แม้จะเผชิญอัตราเงินเฟ้อในระดับสูง แต่สหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่ามีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดือนสิงหาคมอัตราการว่างงานได้ลดลงงานเหลือ 3.7% ต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี และประธานาธิบดีโจ ไบเดน มองในแง่บวกว่า
"โดยรวมแล้วราคาสินค้าปรับลดลงต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับครอบครัวอเมริกัน และยังมีงานอีกมากที่ต้องทำอยู่"
สวนทางกับสถานการณ์ในตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ที่ปิดตัวในแดนลบขานรับตัวเลขเงินเฟ้อ ทำให้เชื่อว่า ธนาคารกลาง (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 21 กันยายน ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 หลังจากสัปดาห์ที่แล้วธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อเช่นกัน