ภายหลังสื่อดัง อย่างสำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า นางทรัสส์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยม สืบทอดตำแหน่งต่อจากนายบอริส จอห์นสันเมื่อวันจันทร์ (5 ก.ย.) โดยมีคะแนนนำนายริชิ ซูแนค อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษที่ 81,326 ต่อ 60,399 เสียงจากการลงคะแนนของสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยม และการขึ้นเป็นผู้นำพรรครัฐบาล ก็ทำให้เธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ
ความคืบหน้าล่าสุด ทางด้าน ดอยช์แบงก์ วาณิชธนกิจข้ามชาติของเยอรมนี เผยรายงานว่า จากการประกาศนโยบายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ให้เห็นว่า อังกฤษ จะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตเศรษฐกิจมหภาคขั้นรุนแรงต่าง ๆ ได้หรือไม่ โดยเฉพาะวิกฤตด้านดุลการชำระเงิน หลัง นางลิซ ทรัสส์ ได้รับเลือกให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ
ค่าเงินปอนด์ขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (5 ก.ย.)โดยเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1.15 ดอลลาร์เล็กน้อย แต่นายเชรยาส โกปาล นักกลยุทธ์ด้านปริวรรตเงินตราของดอยช์แบงก์เตือนว่า ไม่ควรประเมินความเสี่ยงที่จะเกิด "วิกฤตเงินปอนด์" ต่ำจนเกินไป
"ด้วยยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว ปอนด์ต้องการเม็ดเงินทุนไหลเข้ามหาศาลซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ลดลง ทว่าสถานการณ์กลับดำเนินไปในทิศทางตรงกันข้าม" ดอยช์แบงก์ ระบุ
"อังกฤษกำลังเผชิญปัญหาจากอัตราเงินเฟ้อที่แตะระดับสูงสุดในกลุ่มประเทศ G10 และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ขณะเดียวกัน การขยายงบประมาณการคลังขนานใหญ่แบบไร้เป้าหมาย ทั้งที่ขาดแคลนเงินทุน ควบคู่ไปกับความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงอำนาจหน้าที่ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อสูงยิ่งขึ้นไปอีก"
ก่อนหน้านี้ นางทรัสส์ ได้เคย วิพากษ์วิจารณ์ BoE และนายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE ขณะเดินสายหาเสียงเลือกตั้ง โดยกล่าวโทษ BoE ที่ปล่อยให้เงินเฟ้อพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี และมีรายงานระบุว่า เธอกำลังพิจารณาทบทวนอำนาจหน้าที่ของ BoE หลังจากที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
อีกความเคลื่อนไหวในวันนี้ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นางลิซ ทรัสส์ ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ จะเดินทางถึงปราสาทบาลมารัลในวันนี้ (6 ก.ย.) เวลา 12.10 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 18.10 น.ตามเวลาไทย โดยคาดว่าจะใช้เวลาเข้าเฝ้า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นเวลาราว 30 นาที เพื่อรับการแต่งตั้งเป็น นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษอย่างเป็นทางการ
นางลิซ ทรัสส์ จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของอังกฤษในรอบ 6 ปีนี้ และเธอจะเป็น นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของอังกฤษ รองจากนางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ (ดำรงตำแหน่ง 4 พฤษภาคม 2522 – 28 พฤศจิกายน 2533) และนางเทเรซา เมย์ (ดำรงตำแหน่ง 13 กรกฎาคม 2559 – 24 กรกฎาคม 2562) ไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในเดือน ม.ค.2568
จับตาความเคลื่อนไหวของ นายบอริส จอห์นสัน ซึ่งรักษาการนายกฯอังกฤษหลังประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อ เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา จะประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ (6 ก.ย.) เช่นกัน โดยภารกิจสุดท้ายด้านการต่างประเทศที่เขาทำทิ้งทวนคือการ ต่อสายตรงสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเมื่อวันจันทร์ (5 ก.ย.) โดยนายจอห์นสันแสดงความเชื่อมั่นว่ายูเครนจะสามารถกำชัยชนะในการสู้รบกับรัสเซีย