สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกองกำลังติดอาวุธ 2 ฝ่าย กลางกรุงตริโปลี เมืองหลวงของประเทศ ลิเบีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย และบาดเจ็บอีกประมาณ 140 คน
การต่อสู้ในตริโปลีครั้งนี้ ถือเป็นการต่อสู้ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปี และทำให้เกิดความกลัวว่าประเทศจะกลับเข้าสู่สงครามกลางเมืองอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง
โดยกองกำลังติดอาวุธที่ปะทะกันครั้งนี้ ฝ่ายหนึ่งเป็นกองกำลังของรัฐบาลแห่งชาติ (จีเอ็นยู) ซึ่งได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และมีฐานที่มั่นอยู่ในกรุงตริโปลี กับกองกำลังท้องถิ่น ที่ได้รับความสนับสนุนจากกองทัพแห่งชาติลิเบีย (แอลเอ็นเอ) ภายใต้การนำของ พล.อ.คาลิฟา ฮาฟาตาร์ ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในเมืองเบงกาซี อยู่ทางตะวันออกของประเทศ
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของลิเบีย เผยว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 140 คน ในขณะที่ 64 ครอบครัวต้องอพยพออกจากพื้นที่รอบการต่อสู้ พร้อมเผยด้วยว่า โรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ในเมืองหลวงถูกปิดล้อม และทีมรถพยาบาลถูกสั่งห้ามไม่ให้อพยพพลเรือน ซึ่งเป็นการกระทำที่ เท่ากับก่ออาชญากรรมสงคราม
ขณะที่ ตุรกี ซึ่งมีฐานทัพอยู่รอบๆ ตริโปลีและให้การสนับสนุนกองกำลังของรัฐบาลแห่งชาติ (จีเอ็นยู) ก็ออกมาเรียกร้องให้หยุดยิงทันทีและกล่าวว่า “เราจะยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องชาวลิเบียของเราต่อไป”
ส่วน ริชาร์ด นอร์แลนด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำลิเบีย กล่าวในแถลงการณ์ว่า วอชิงตันขอประณามความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเวลานี้ โดยเรียกร้องให้หยุดยิงทันทีและเปิดการเจรจาที่สหประชาชาติจะต้องเข้ามาเป็นผู้ประสานงาน
สำหรับประเทศลิเบีย ต้องตกอยู่ในสถานการณ์การแย่งชิงอำนาจในประเทศมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การจลาจลที่ได้รับการสนับสนุนจากนาโต้ในปี 2554 ที่โค่นล้มมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำเผด็จการของลิเบีย ก่อนทีอำนาจในประเทศจะแยกออกเป็นสองฝ่ายในปี 2557 ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ได้ดึงนานาชาติเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนจนยังไม่มีท่าท่าว่าจะหาข้อยุติกันได้