"เอดินบะระ" เมืองมรดกโลกกลายเป็นกองขยะ

ผลพวงจากการประท้วงนัดหยุดงาน 12 วัน ที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (18 สิงหาคม) ของพนักงานเก็บขยะราว 250 คน ที่เป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน Unite และ GMB ของเมืองเอดินบะระ (Edinburgh) เมืองใหญ่อันดับ 2 ของสก็อตแลนด์ ได้ส่งผลให้ถังขยะตามถนนสายต่าง ๆ มีขยะล้น แต่ละจุดมีทั้งขยะในถุงดำและขยะถูกทิ้งเรี่ยราดอยู่ข้างถัง ส่งกลิ่นรบกวนเป็นอย่างมาก ทางเทศบาลเมืองต้องขอร้องให้ประชาชนเก็บขยะไว้ในบ้าน หรือบรรจุในถุงใส่มูลสุนัขเพื่อบรรเทากลิ่น  

การนัดหยุดงานประท้วงเกิดขึ้นด้วยความไม่พอใจของพนักงานเก็บขยะ ที่สภาท้องถิ่น (Cosla) เสนอปรับขึ้นค่าแรงครั้งที่สอง 3.5% ซึ่งหลายคนได้เห็นพ้องต้องกันว่า ในช่วงวิกฤตค่าครองชีพเช่นนี้ การเพิ่มค่าแรงด้วยจำนวนเงินเท่านี้ถือเป็นการดูถูกอาชีพและความสามารถอย่างมาก ทำให้พวกเขาหยุดเก็บขยะและปิดศูนย์รีไซเคิลด้วย ส่วนข้อเสนอล่าสุดที่จะปรับขึ้นให้ 5% ดูเหมือนพวกเขาก็ยังไม่พอใจและยังไม่เลิกประท้วง

สภาพการเป็น "เมืองขยะ" เกิดขึ้นในช่วงที่เมืองกำลังต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เนื่องจากตรงกับช่วงของการจัดงานศิลปะกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่จัดขึ้นเป็นประจำในเดือนสิงหาคมของทุกปี และดำเนินมายาวนานกว่า 75 ปี และสภาพของขยะที่ล้นเมืองแบบนี้ทำให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ เกรงว่าจะทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของเมือง 

คำว่า เอดิน มีรากศัพท์มาจาก ไอดิน (Eidyn) ซึ่งเป็นชื่อบริเวณที่ตั้งของเมืองในปัจจุบัน เขตเมืองเก่าและใหม่ของเอดินบะระได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็น "เมืองเป็นมิตรกับเด็ก" เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับเด็กมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์วัยเด็กและเรื่องเล่าของผู้คน (Museum of Childhood and People's Story) สวนสัตว์ที่มีศูนย์การศึกษาที่เคลื่อนไหวได้จริง (Dynamic Education Centre) โลกแห่งผีเสื้อและแมลง (Butterfly & Insect World) และโลกทะเลลึก (Deep Sea World)