ชีวิตยิ่งกว่าละคร "แวร์ โซว" ตัดพ้อ ทำอะไรก็เจ๊ง แถมถูกโกง

จะไปเป็นพนักงานเซเว่น ?

"ตอนนั้นที่พูดไปเพราะเพ้อค่ะ รู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่าถ้าจะมารอละครอย่างเดียวก็ไม่ได้ คิดว่ามันน่าจะได้เงินดี มองแล้วน่าจะได้เงินหลักหมื่น ซึ่งคิดว่าทำได้แต่อาจจะงงเรื่องเทคโนโลยี"

เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตช่วงนี้ ?

"เราก็โพสต์ของานบ่อย ๆ เป็นระยะ งานละครที่ได้รับส่วนมากแล้วจะไม่ได้รับเต็มเรื่อง จะได้รับเป็นตอนบ้างสองถึงสี่ตอนบ้างรับเชิญทั่วไปเสมือนได้เงินไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และเรามีรายจ่ายมีค่าใช้จ่ายและพอได้เงินมาเราก็ต้องมาใช้มาแบ่ง มาหมุนในส่วนอื่นที่ต้องบริหารการเงินอีก พอมาถึงช่วงวิกฤตโควิด งานละครก็เงียบมันเลยไม่มีงาน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเราคนเดียวทีมงานทั้งกองถ่าย ได้รับผลกระทบหมด"

ความรู้สึกตอนพูดเป็นยังไง ?

"เราอยากได้งาน ถ้ามีงานก็มีเงิน ถ้ามีเงินเราก็มีชีวิตดำรงอยู่ได้ เลี้ยงลูกได้ ภายหลังจากที่โพสต์ไปมันก็ไม่ได้มีงานมันเงียบ เราเข้าใจในส่วนสถานการณ์ที่เราพูดไป เราไม่ได้ประสบปัญหาคนเดียว แต่หลายคนก็มีปัญหาด้วย" 

"น้องคนดี" อยู่ด้วยทุกครั้งมั้ยกับที่แม่โพสต์ ?
"หนูอยู่ด้วยทุกครั้งค่ะ พอแม่โพสต์เสร็จแล้วก็จะเอามาให้ดู หนูคิดว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เขามีไว้ระบายความเห็น หนูเลยไม่เคยห้าม ทุกครั้งที่แม่โพสต์หนูรู้สึกว่ามันเหมือนการพูดไปมันก็ปกติอยู่แล้ว ด้วยสถานการณ์สภาพแวดล้อมการใช้ชีวิต การเงินหรืออะไรก็แล้วแต่เราปรึกษากันตลอด รู้สึกว่าการที่เราคุยกันตลอดมันเหมือนเป็นการใช้ความคิดร่วมกัน" 

ขายของด้วย ?

"เราก็ขายของตั้งแต่ยังไม่มีลูก ขายเสื้อผ้าขายอะไรต่าง ๆ ตามตลาดนัดก็เคยขายมาแล้ว ล่าสุดผันตัวมาขายปลาหมึก ซึ่งเวลาสั่งเราก็สั่งต้นทุนสูง แต่ทุกวันนี้ไม่ได้ขายแล้วเพราะมันเข้าเนื้อ และขอมาขายของออนไลน์แต่ก็ปิดตัวไป เนื่องจากทุนเราไม่ไหว สายป่านไม่ยาวพอ เลยหันมาขายบ๊วยรวมรส แต่ก็มาโดนโกงไม่กี่อาทิตย์ที่แล้ว และด้วยเราทำธุรกิจไม่เป็นด้วย ซึ่งเราก็พยายามต่อสู้มาโดยตลอด ขายตามตลาดนัดทำมาหมด"

"ตอนนี้ทุกวันนี้ไม่มีรายได้เลยค่ะ ซึ่งก็เอาเงินเก็บมาใช้เอามาจัดสรรทั้งหมด และเงินเก็บก็เงินเก็บลูกก็ต้องเอาออกมาใช้ จนมันค่อย ๆ เริ่มหมดลง อาจจะใช้ได้อีกประมาณสองถึงสามเดือน แต่ช่วงนี้ก็มีคนติดต่อเข้ามา เป็นเจ้าของโรงงานแล้วเค้ามีสินค้า 1,000 กว่าชนิดให้เราทดลอง เพื่อที่จะให้เรานำไปขายได้"

ที่มา : รายการโต๊ะหนูแหม่ม