นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแล และ กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาเพื่อชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 งวดที่ 9 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 3 - 9 ธ.ค. 2565 จำนวน 5 ชนิด ดังนี้
1.ข้าวเปลือกหอมมะลิ เ กณฑ์กลางตันละ 14,253.21 บาท ชดเชยตันละ 746.79 บาท สูงสุดครัวเรือนละ 10,455.06 บาท
2. ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,470.78 บาท ชดเชยตันละ 529.22 บาท สูงสุดครัวเรือนละ 8,467.52 บาท
3. ข้าวเปลือกปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 10,658.19 บาท ชดเชยตันละ 341.81 บาท สูงสุดครัวเรือนละ 8,545.25 บาท
4.ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,488.83 บาท ชดเชยตันละ 511.17 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 15,335.10 บาท
5. ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,131.05 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาเป้าหมายที่ตันละ 12,000 บาท จึงไม่มีการชดเชย
โดยหลังจากนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตร และ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินให้เกษตรกรภายใน 3 วันทำการ หรือ ภายในวันที่ 15 ธ.ค. 2565 นี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รัฐได้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ให้เกษตรกรแล้ว ในงวดที่ 1-8 แล้ว จำนวน 2.416 ล้านครัวเรือน
สำหรับ เกษตรกรบางส่วนที่ขึ้นทะเบียน เกษตรกรผู้ปลูกข้าว กับ กรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินชดเชย เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล หรือ เป็นกรณีที่ยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. จึงขอให้เกษตรกร ที่ยังไม่ได้รับเงิน ไปติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้ดำเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป
สำหรับสถานการณ์ซื้อขายข้าวเปลือกในช่วงนี้ ราคามีแนวโน้นปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากส่งออกในปีนี้ปรับตัวดีขึ้น ปัจจุบันมีผู้ยื่นขออนุญาตเพื่อส่งออกภายในปีนี้แล้วกว่า 8.3 ล้านตัน
โดยขณะนี้ส่งออกได้แล้วกว่า 7.3 ล้านตัน คาดว่าสิ้นปี จะส่งออกได้ตามเป้าหมาย 7.5 ล้านตัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวเปลือก ในฤดูกาลผลิตนี้ จะยังคงอยู่ในระดับที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา