svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตุลาการผู้แถลงคดี ชงถอด “ไตรรัตน์” พ้น รก.เลขาธิการ กสทช.

ตุลาการผู้แถลงคดี เสนอความเห็นให้ถอด “ไตรรัตน์” พ้นรักษาการเลขาธิการ กสทช. ขณะที่ประธาน กสทช. ส่อขัดหลักธรรมาภิบาล ลุ้นคำพิพากษาจากองค์คณะ

4 พฤษภาคม 2568 ความคืบหน้าคดีที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จำนวน 4 ราย ได้แก่ พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ , รองศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง รามสูต , รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และรองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ได้ยื่นฟ้อง ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1764/2566 โดยระบุว่า ผู้ถูกฟ้องละเลยต่อหน้าที่ในการไม่ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล และไม่แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการฯ ให้รักษาการแทน ตามมติที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566

 

นายแพทย์สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.

ต่อมาในการไต่สวนครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ตุลาการผู้แถลงคดีได้เสนอข้อวินิจฉัย ต่อองค์คณะตุลาการศาลปกครองกลาง โดยแบ่งประเด็นสำคัญออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

 

ประเด็นที่หนึ่ง กรณีประธาน กสทช. ไม่ลงนามในคำสั่งที่เป็นไปตามมติคณะกรรมการ ทั้งในเรื่องการสอบสวนทางวินัยและการเปลี่ยนตัวรักษาการเลขาธิการฯ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยชัดแจ้ง ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ได้กำหนดให้ กสทช. เป็นองค์กรอิสระที่ดำเนินการโดยระบบคณะกรรมการร่วม ซึ่งประธานไม่มีอำนาจตัดสินใจเพียงลำพัง เว้นแต่ได้รับมอบหมายอย่างถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมาย มติของคณะกรรมการจึงมีผลผูกพันสูงสุดในทางปฏิบัติ

ประเด็นที่สอง มติของที่ประชุมครั้งที่ 13/2566 วาระ 5.22 ซึ่งเสนอแต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ภูมิศิษฐ์ ให้รักษาการแทนนั้น ยังไม่ถูกยกเลิกหรือเพิกถอน การที่ประธาน กสทช. ไม่ดำเนินการแม้มีหนังสือแจ้งเตือนถึง 2 ครั้ง จึงเป็นการละเมิดต่ออำนาจตามกฎหมาย และบ่อนทำลายหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการองค์กรสาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ

 

จากข้อวินิจฉัยดังกล่าว ตุลาการผู้แถลงคดีเสนอความเห็นให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการ กสทช. ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่มีคำพิพากษา ได้แก่

 

ถอดถอนนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ออกจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. และ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนายไตรรัตน์ ให้เป็นไปตามมติที่ประชุม

 

สำหรับกรณีการแต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ภูมิศิษฐ์ ซึ่งได้เกษียณอายุราชการแล้ว เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องมีคำสั่งบังคับอีกต่อไป

 

อย่างไรก็ดี แม้คำแถลงของตุลาการผู้แถลงคดียังไม่ใช่คำพิพากษาสุดท้าย แต่ตามหลักการของกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง ศาลมีหน้าที่ต้องจัดพิมพ์และเผยแพร่ทั้งคำพิพากษาและความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นหลักประกันให้การใช้อำนาจรัฐอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างแท้จริง

 

ทั้งนี้ สำหรับตุลาการผู้แถลงคดี คือ ตุลาการศาลปกครองซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แถลงคดีปกครอง

 

“คําแถลงการณ์” ของตุลาการผู้แถลงคดี จะสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดี ที่เสนอต่อองค์คณะพิจารณาพิพากษาในคดีนั้นๆ แต่ไม่ใช่คำพิพากษา และไม่ผูกพันความเห็นขององค์คณะผู้พิพากษาในคดี