
11 มีนาคม 2568 กรณี พ.ต.อ.ธวัชชัย สังฆมิตกล ผกก.สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช สั่งการให้ชุดสอบสวนเชิญตัว นางปาริฉัตร (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี พนักงานธนาคาร ตำแหน่งเจ้าหน้าที่อำนวยบริการอาวุโสของธนาคารแห่งหนึ่ง แอบถอนเงินลูกค้าออกจากบัญชี 2 ครั้ง วงเงิน 8,004,424.66 บาท
จากการสอบปากคำสาวแบงก์รับสารภาพว่า เอาเงินไปซื้อบ้าน ซื้อรถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ซึ่งทางธนาคารพบพิรุธการถอนเงินจึงตรวจกล้องวงจรปิดพบว่านางปาริฉัตร เป็นผู้กระทำการ และยอมรับสารภาพกับผู้จัดการ
ต่อมาจึงมีการมอบอำนาจจากธนาคารให้ผู้จัดการสาขาเข้าแจ้งความดำเนินคดีฐานลักทรัพย์นายจ้าง เมื่อวานนี้ (10มี.ค.2568)
โดยพนักงานสอบสวนได้คุมตัว นางปาริฉัตร ไปขออำนาจศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ฝากขังแล้ว โดยยังไม่ได้ประกันตัว
ล่าสุด วันนี้ มีรายงานว่าความเสียหายของธนาคารและลูกค้า ยังไม่จบ ล่าสุดมีลูกค้าสงสัยจึงเข้าตรวจสอบบัญชีพบการแอบถอนเงินผ่องถ่ายออกจากบัญชีอีก 2 บัญชี ยอดเงินรวมกว่า 2 ล้านบาท
โดยพ.ต.ท.สมชาย มวยดี รองผกก.สส.สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า ขณะนี้ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนแล้ว จนถึงขณะนี้พบว่ายอดเงินความเสียหายรวมแล้วกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งไม่น่ากังวล เนื่องจากธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหาย และจะไปฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่งจากนางปาริฉัตร อีกที
นอกจากคดีอาญาแล้ว ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดนั้นจะถูกอายัดด้วย ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถยนต์ ทั้งนี้นางปาริฉัตร เคยมีพฤติการณ์ทำนองนี้มาแล้วเมื่อครั้งตอนทำงานอยู่ที่ธนาคารสาขาอื่น แต่ความผิดในครั้งนั้นได้ยอมชดใช้ค่าเสียหาย และทางธนาคารได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และเห็นว่ามีปัญหาในครอบครัวและยอมชดใช้คืน ธนาคารจึงปราณียังให้ทำงานต่อ แต่ให้ย้ายไปอยู่สาขาอื่น ก่อนจะมาทำผิดซ้ำ ทางธนาคารเห็นว่าให้โอกาสแล้ว ยังไม่สำนึกผิดจึงแจ้งความดำเนินดำเนินคดีตามกฏหมายในที่สุด