14 มิถุนายน 2567 ความคืบหน้าในการ ติดตามเรือน้ำมันเถื่อน ซึ่งเป็นของกลางในคดีเครือข่ายค้าน้ำมันเถื่อน "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" หายไป 3 ลำ ขณะจอดไว้ที่สะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบล่าสุด ช่วงสายวันนี้ (14 มิ.ย.) เรือลาดตระเวนตำรวจน้ำ 815 และ 632 เดินทางกลับมาที่สะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ หลังจากได้ออกปฏิบัติการค้นหาเรือน้ำมันทั้ง 3 ลำ ที่หายไปตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา
พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สารวัตรสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ หัวทีมทีมค้นหา ระบุสั้น ๆ ว่า ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำตรวจปฏิบัติหน้าที่ก่อน ก่อนจะเดินทางออกจากพื้นที่ไปทันที ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าปฏิบัติการค้นหาได้ลาดตระเวนไปถึงเกาะช้าง จังหวัดตราด ตามที่มีกระแสข่าวว่า มีประชาชนพบเห็น แต่ผลการค้นหากลับไม่พบเรือทั้ง 3 ลำ ซึ่งคาดวว่า น่าจะหลบหนีออกจากน่านน้ำไทยไปแล้ว
ขณะที่ตำรวจสอบสวนกลาง เเละตำรวจน้ำ นำเรือตรวจการณ์ ตรน.633 พาทีมข่าวลงพื้นทีสำรวจเส้นทางที่คาดการณ์ว่า บรรดาลูกเรือจะใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี โดยขับลาดตระเวนออกจากท่าเรือประมาณ 10 ไมล์ทะเล หรือ 18 กิโลเมตร จนมาถึงปากอ่าว ซึ่งเป็นเป็นพื้นที่ที่เริ่มมีคลื่นสูงเเละลมเเรง ซึ่ง ร.ต.อ.จาตุรงค์ กันธะเรียน รองสารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า เมื่อมาถึงปากอ่าว จุดนี้เป็นทะเลเปิด ที่จะไปได้หลายเส้นทาง ทั้งลงใต้
เเต่เส้นทางที่มีการสันนิษฐานเวลานี้ของตำรวจน้ำคือ เรียบชายฝ้่งไปเพื่อนบ้านกัมพูชา ส่วนการสอบปากคำ นายเล็ก ลูกเรือลูกน้องเสี่ยโจ้ ที่เหลือ 1 ราย เมื่อคืนที่ผ่านมา เรื่องเเผนในการหลบหนีพบว่า ลูกเรือรายนี้เป็นลูกเรือเพียงรายเดียว จากลูกเรือทั้ง 18 คน ที่ไม่ได้ไปด้วย
ส่วน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เตรียมเดินทางมาติดตามความคืบหน้าช่วงบ่ายวันนี้ พร้อมเปิดเผยกับทีมข่าวว่า จะต้องหาผู้รับผิดชอบคดีนี้ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ลูกเรือที่นำเรือหนี และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำที่ปล่อยปละละเลยให้ของกลางสูญหาย และจะต้องสอบให้ได้ว่า เรือที่นำไปจอดห่างจากท่าเรือ 100 เมตร มีลูกเรือขึ้นไปขโมยเรือได้อย่างไร มีการคุมเข้มการป้องกันการเดินเรือหรือไม่ เพราะจากกล้องวงจรปิดพบว่า เรือได้ปิดไฟก่อนจะหายไปในเวลา 20.10 น. ของวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา
มีรายงานว่า ส่วนเรือของกลางสองลำที่ไม่ได้หายไป เพราะภายในเรือไม่มีน้ำมัน และไม่ใช่ของ "เสี่ยโจ้" ส่วนเรือทั้ง 3 ลำที่หายเป็นนั้น เป็นของเสี่ยโจ้ทั้งหมด
"บิ๊กต่าย" ลั่นเอาผิดทางวินัย-อาญา หากพบ จนท.รู้เห็น-ปล่อยปละละเลย
ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังพบนายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ว่า วันนี้ไม่ได้มีการรายงานเรื่องเรือน้ำมันเถื่อนที่หายไป ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ของคณะกรรมการของกองบัญชาการตำรวจสอบส่วนกลาง และยังไม่ได้มีการฟันธงว่า มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เรือมีขนาดใหญ่หากไม่ได้รับการเปิดทางจากเจ้าหน้าที่ ก็เป็นเรื่องยากที่เรือจะหายไป รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการเร่งรัดอยู่
เมื่อถามว่า ได้มีการรายงานนายกรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีได้สอบถามในกรณีนี้หรือไม่ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ไม่มีอะไร แค่ขึ้นไปตึกไทยฯ เพื่อสวัสดีนายกรัฐมนตรีเฉยๆ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า เป็นเรื่องที่รับไม่ได้เช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดูแลหน่วยงานต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และขณะนี้ผู้บัญชาการตำรวจกรมสอบสวนกลาง กำลังดำเนินการจริงจัง หากใครเกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย หรือมีส่วนใดๆ ที่ร่วมกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการทางวินัยและอาญา แต่ขอให้รอความชัดเจน
เมื่อถามว่า เสี่ย จ. ที่มีรายงานว่าเป็นเจ้าของเรือและมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือขนน้ำมันเถื่อนหายนั้น รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอให้รอผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวนก่อน