svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตำรวจสรุปคดี Zipmex พบผิดอื้อ เสียหายเฉียดพันล้าน ส่ง DSI รับเป็นคดีพิเศษ

21 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปผลคดี บจก.ซิปเม็กซ์ (Zipmex) เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มีความเสียหายมูลค่าเฉียดพีนล้าน พร้อมส่งสำนวนต่อ DSI พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ

21 ธันวาคม 2566 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.ท. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ร่วมกับ จอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) รวมทั้งตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงความคืบหน้ากรณีที่บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ได้มีการชักชวนประชาชนให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากไว้กับทางบริษัท ภายใต้บริการที่มีชื่อเรียกว่า Zip up และ Zip up+ และจากนั้นได้ โอนเงินไปลงทุนไปต่างประเทศ แต่ขาดทุนจนไม่สามารถนำมาเงินมาคืนให้กับลูกค้า  ซึ่งจากกรณีมีผู้เสียหาย และมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก 

ตำรวจสรุปคดี Zipmex พบผิดอื้อ เสียหายเฉียดพันล้าน ส่ง DSI รับเป็นคดีพิเศษ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) จึงได้มีคำสั่งที่ 411/2566 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อรับผิดชอบการสืบสวนคดีดังกล่าว โดยได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสอบปากคำผู้เสียหาย จำนวน 485 คน (เอกสารคำให้การ 20,210 แผ่น) รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 900 ล้านบาท (คาดว่าจะมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง)

ล่าสุดทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของ บริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม มาตรา 4, 5, 12, 15 แห่งพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และความผิดตาม มาตรา 75 แห่งพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 และ ความผิดมาตราอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”

ประกอบกับคดีนี้มีธุรกรรมทางการเงินที่มีความสลับซับซ้อนต้องรวบรวมและวิเคราะห์พยานหลักฐานจำนวนมาก ซึ่งมีจำนวนผู้เสียหายตั้งแต่สามร้อยคนขึ้นไป หรือมีจำนวนเงินที่กู้ยืมรวมกันตั้งแต่หนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไปอันเข้าลักษณะการเป็นคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษพ.ศ.2547 จึงได้มีหนังสือส่งสำนวนการสอบสวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ตามระเบียบและกฎหมายต่อไป

ที่มาที่ไปคดี ZIPMEX

สำหรับ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. เมื่อปี 2561 ให้มีบริการการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล

แต่ต่อมาในปี 2563 ได้มีการชักชวนประชาชนให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากไว้กับทางบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ภายใต้บริการที่มีชื่อเรียกว่า Zip up และ Zip up+ โดยเป็นบริการเปิดรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลจากลูกค้า และจะให้ผลตอบแทนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล 

โดยบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ได้โอนสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าที่มาลงทุนไปยังต่างประเทศเพื่อลงทุนกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ขาดทุนจนไม่สามารถนำมาเงินมาคืนให้กับลูกค้า จนกระทั่งวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 บริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ได้ประกาศระงับการถอนเงินบาท และสินทรัพย์ดิจิทัลจาก “ZipUp” หรือ “Z Wallet” ทำให้ผู้ลงทุนได้รับความเสียหาย

ก.ล.ต.สั่งตรวจสอบ "ซิปเม็กซ์"

ต่อมา ก.ล.ต.ได้ดำเนินการตรวจสอบและสั่งให้ บริษัท ซิปเม็กซ์ฯ นำส่งข้อมูลเกี่ยวกับกิจการและการดำเนินงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง แต่บริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ไม่นำส่งข้อมูลดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้เมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก็นำส่งข้อมูลเพียงบางส่วน ไม่ครบถ้วน จึงได้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ก.ล.ต. กล่าวโทษบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) นายเอกลาภ ยิ้มวิไล (นายเอกลาภ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Zipmex ต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (บช.สอท.) กรณีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ที่สั่งให้นำส่งข้อมูลกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ (wallet) ที่ใช้เก็บทรัพย์สินของลูกค้า และรายละเอียดเกี่ยวกับรายการโอนหรือถอนสินทรัพย์ดิจิทัล

บริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 51 ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 75 ตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561

ทั้งนี้นอกเหนือจากการกล่าวโทษดังกล่าว ก.ล.ต.ได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด และ นายเอกลาภฯ รวมแล้วเป็นจำนวน 10,977,000 ล้านบาท ในฐานความผิดที่เกี่ยวข้อง ตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561

 

 

 

logoline