
10 สิงหาคม 2566 เวลา 14.30 น. นายชนัตพล สังสิทธิเสถียร หรือ “ดีเจแจ็คไรเดอร์” และนายธิติพันธ์ สุริยาวิชญ์ หรือ “ดีเจคิว” สองนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง พร้อมทนายความ เดินทางมาที่ สน.พหลโยธิน เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคลื่นวิทยุชื่อดัง หลังถูกเบี้ยวเงินค่าจัดค่าจัดรายการวิทยุนานกว่า 3 ปี มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท และภายหลังทวงถาม ยังถูกให้ออกจากงานอีกด้วย
นายธิติพันธ์ (ดีเจคิว) กล่าวว่า ตนและดีเจแจ๊คไรเดอร์ มาแจ้งความเนื่องจากได้จัดรายการวิทยุที่คลื่นวิทยุแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับค่าจัดรายการมาเป็นเวลานานเกือบ 3 ปีแล้ว โดยค้างจ่ายอยู่ประมาณ 10 เดือน ยอดเงินของทั้ง 2 คน รวมกันประมาณ 1 ล้านกว่าบาท
ตั้งแต่ช่วงปี 2563 ที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สภาพคล่องของบริษัทฯ ไม่ดี เริ่มมีการค้างจ่าย ตอนแรกพวกตนเข้าใจ คิดว่าเดือนต่อๆ ไปน่าจะเคลียร์ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่จ่าย ค้างหลายเดือน พอมีการพูดคุย ทางบริษัทชี้แจงว่าสถานการณ์ไม่ดี จะขอปรับลดเงินเดือน 20% ซึ่งพวกตนจัดรายการวิทยุที่นี่มานานกว่า 10 ปี เหมือนเป็นครอบครัว เมื่อเกิดวิกฤตจึงยอมให้ปรับลดเงินเดือน แต่สุดท้ายก็ยังค้างจ่ายอยู่ดี
ขณะที่ นายชนัตพล (ดีเจแจ๊คไรเดอร์) กล่าวว่า หลายสิบคน เกือบทั้งบริษัทโดนเหมือนกันหมด โดยดีเจโดนทุกคน ก่อนหน้านี้ มีดีเจอื่นๆ ที่ออกจากบริษัท ไปฟ้องศาล จนล่าสุดทราบว่า ทางบริษัทบอกว่ากลุ่มที่ค้างจ่ายเงินตั้งแต่ปี 2563 นั้นคดีกำลังจะหมดอายุความ ทำให้ช่วงสิ้นมิถุนายน ที่ผ่านมา ตนเข้าไปทวงถามกับทางบริษัท เพราะกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินค่าจัดรายการ
ตอนนั้น ตนเป็นดีเจที่ยังทำงานอยู่ต่อให้กับบริษัท อยากจะช่วย แค่ไปทวงถามเพราะอยากได้ความมั่นใจ เช่น ขอให้ออกเอกสารว่ามีหนี้ค้างชำระ แล้วค่อยจ่ายทีหลังก็ได้ แต่ปรากฎว่า หลังทวงถาม บริษัทได้โทรกลับมาบอกให้ตนเลิกจัดรายการ พร้อมบอกว่า หากอยากได้เงินให้ไปฟ้องเอา และโทรสั่งทุกคนในบริษัทฯ ว่า ห้ามไม่ให้ตนเข้าบริษัท ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้
โดยบริษัทนี้ เป็นคลื่นวิทยุที่ตนทำงานมานาน ผลัดเปลี่ยนนายจ้างไปกี่คน ตนก็เคารพทั้งหมด และขอบคุณในโอกาสที่มอบให้ ที่ผ่านมา ตนทำงานด้วยความรัก ถึงได้ปล่อยให้ค้างค่าจัดรายการมานานขนาดนี้ เพราะตนมองเรื่องเงินแยกกับความสุขในการมาจัดรายการ หากสถานการณ์ไม่ดี ก็อยากสู้ไปด้วยกัน ขอเพียงแค่บริษัทมีความชัดเจน แต่ท้ายสุดก็โดนให้ออก
นายธิติพันธ์ หรือ ดีเจคิว กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังดีเจแจ๊คไรเดอร์ถูกให้ออก ตนจึงเข้าไปคุยว่า ตนกับดีเจแจ๊คไรเดอร์ จัดรายการคู่กันช่วงเช้ามาตลอดกว่า 10 ปี ถึงแม้จะเหลือตนคนเดียว แต่การยื่นเอกสารฟ้องร้อง ก็ต้องทำด้วยกัน ต่อมา วันที่ 11 ก.ค. ตนจึงถูกให้ออกด้วยเช่นกัน และโดนห้ามไม่ให้เข้าบริษัท
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เสียความรู้สึก กว่า 10 ปี ไม่เคยขอขึ้นค่าจัดรายการเลย เพราะรักในการจัดรายการจริงๆ ช่วงหลังที่มีปัญหา ตนต้องทำงานเองหลายๆ อย่าง เช่น หาคอนเทนต์เองด้วย แต่ตนก็ยังอยากทำ เพราะการมาจัดรายการตอนเช้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว แต่วันนี้มาถึงจุดที่รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากถึงบริษัท และขอให้สื่อช่วยติดตามเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมา มีกรณีของพนักงานและดีเจคนอื่นๆ ที่ไปฟ้องร้องแล้วชนะคดี แต่บริษัทก็ใช้ช่องโหว่ในขั้นตอนการไกล่เกลี่ยมาขอลดจำนวนเงินที่ต้องจ่าย หรือขอผ่อนชำระ 6 เดือน แล้วก็ยังจ่ายไม่ตรงกำหนดอีก ซึ่งตนไม่อยากให้บริษัทนำช่องโหว่ตรงนี้มาใช้อีก พนักงานและดีเจคนอื่นๆ ก็เป็นห่วงเรื่องนี้ เพราะทุกคนทำงานเต็มที่ ลงแรงลงใจ ไม่สมควรต้องมาเจอแบบนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลัง 2 ดีเจ ลงบันทึกประจำวัน ได้นำไปแนบกับเอกสารคำร้อง พร้อมรวบรวมหลักฐานต่างๆ เตรียมดำเนินการ้องต่อศาลแรงงานต่อไป