svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ทนายสีเทา! "ชูวิทย์" ฝากถึง "ทนายตั้ม" อย่าหาประโยชน์ในคราบคนดี

28 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ชูวิทย์" กระตุกเตือนสติ ฝากถึง "ทนายตั้ม" ต้องมีจรรยาบรรณวิชาชีพ อย่าใช้คราบคนดี"ทนายประชาชน" อาศัยหาประโยชน์จากสื่อและประชาชน

28 มีนาคม 2566 ประเด็นร้อนแรงไม่หยุด ระหว่างจอมแฉอย่าง "ชูวิทย์" กับ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่เริ่มจากปมการแฉนายชูวิทย์ รับเงิน 6 ล้านบาท จากลุ่มเว็บพนัน กระทั่งมีการแถลงข่าวตอบโต้กันอย่างเผ็ดร้อน กระทั่งล่าสุด ชูวิทย์ ประกาศลั่น "กูไม่กลัวมึง" พร้อมหากพาดพิงอีก เดินหน้าฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งและอาญา ครั้งละ 100 ล้าน ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ทนายสีเทา! \"ชูวิทย์\" ฝากถึง \"ทนายตั้ม\" อย่าหาประโยชน์ในคราบคนดี

ทนายสีเทา! \"ชูวิทย์\" ฝากถึง \"ทนายตั้ม\" อย่าหาประโยชน์ในคราบคนดี
ล่าสุด “ชูวิทย์” ยังคงโพสต์ถึง “ทนายตั้ม” ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิฎ์ ระบุว่า

“ทนายสีเทา”
.
หากคนไม่มีทุกข์ ไม่เดือดร้อน ไม่มีใครไปหาทนาย
.
มันไม่ได้หมายความว่า “ผู้บริสุทธิ์” จะเป็นผู้ชนะคดีเสมอ
.
ทนายเป็นตัวแปรสำคัญในการนำเสนอต่อศาล
.
มีทั้งทนายถูกฝั่งตรงข้ามซื้อตัว หรือเป็นทนายเก่งวิ่งความ แต่ว่าความไม่เป็นสับปะรด
.
ทนายที่ดีได้รับเงินค่าว่าจ้างในการว่าความให้ลูกความ มากน้อยแล้วแต่มาตรฐานของทนาย และลูกความ
.
แต่ละคดีมีความยากง่ายต่างกัน ค่าทนายก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับคุณธรรมของทนายเป็นสำคัญ
.
ทนายบางคนไม่ได้เงิน หรือได้เงินน้อย แต่ทำเพราะอยากช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยแล้วมีคดีถูกฉ้อโกง
.
อย่างนี้จึงเรียกว่า “ทนายประชาชน” 
.
แต่การอาศัยสถานะทนาย แล้วไปเก็บเงิน “ค่าแถลงข่าว” นี่เป็นครั้งแรกที่เจอในชีวิตผมตั้งแต่เคยขึ้นโรงขึ้นศาลมานับครั้งไม่ถ้วน
.
ทนายตั้มเป็นคนแรกที่เคยพบ

ทนายสีเทา! \"ชูวิทย์\" ฝากถึง \"ทนายตั้ม\" อย่าหาประโยชน์ในคราบคนดี

ผมเป็นคนสีเทา เรื่องที่เอามาตีแผ่มาจากแหล่งข่าวเทาๆ ของผม 
.
จะไปบอกใครให้รู้ก็ไม่ได้ มันผิดวิสัย “จริยเทา” ของผมเป็นอย่างมาก 
.
หากเป็นโจรก็มี “จิตใต้สำนึก” ได้เหมือนกัน ไม่ใช่มีเฉพาะในคนดี
.
เพียงแต่จิตใต้สำนึกของโจรมันต่างกัน มันออกจะดิบกร้าน แต่ชัดเจนตรงไปตรงมาเพราะไม่ต้องอ้างเอาธรรมะมาปกป้อง
.
การที่ทนายตั้มอาศัย “ลูกความ” ไปใช้ในการแถลงข่าว แทนการใช้กระบวนการยุติธรรม จึงไม่ใช่วิธีการของคนมีจรรยาบรรณวิชาชีพที่ใช้เป็นสัมมาอาชีพเลี้ยงตนเอง และครอบครัวอย่างทนายทั่วไป
.
ผมรวยจากธุรกิจอาบอบนวด คราบน้ำกาม ก็ไม่ได้ปฎิเสธ รับกันตรงๆ แต่ไม่เคยไปโกงใคร บังคับให้ใครมาทำงานหรือมาเที่ยว ทุกคนล้วนเต็มใจทั้งนั้น
.
แต่การใช้ “สื่อ” เป็นเครื่องมือ ให้มาฟังเรื่องราวซึ่งไม่รู้จริงหรือเท็จ เพื่ออาศัยสื่อไปเผยแพร่ในเรื่องที่ตัวเองได้ประโยชน์ส่วนตัว อย่างนี้ผิดวิสัย
.
สื่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอาวุโส แต่ขึ้นอยู่กับสำนึกว่า สิ่งที่นำเสนอให้สังคมรับรู้มีประโยชน์ใด
.
หากเป็นตลกก็สื่อความบันเทิงหัวร่องอหาย ไม่ผิด 
.
แต่ทนายที่ใช้สื่อเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอย่างแยบยล เท่ากับสื่อก็โดนหลอกใช้ 
.
อันนี้เป็น “กรณีศึกษา” สมาคมสื่อ และสภาทนายความ ต้องปกป้องเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของอาชีพ ไม่ให้เหลือบริ้นไรมาแอบแฝงหากิน
.
พอจับได้ไล่ทันว่า “ค่าแถลงข่าว” 300,000 บาท เสนอด้วยสำนักงานกฎหมายของตัวเอง
.
ก็มาปัดพัลวันว่า แค่ 2-3 ครั้ง แต่ปัญหาอยู่ที่การกระทำแบบนี้ สังคม และสื่อยอมรับได้หรือไม่? 
.
หากมีคนขายยาเสพติดไปจ้างทนายตั้มว่าความ แล้วทนายตั้มนำคนขายยาเสพติดไปแถลงข่าวคิดเงิน ก็ย่อมทำได้
.
แต่สื่อจะกลายเป็นเครื่องมือ แล้วผู้ต้องหาก็หนีไปต่างประเทศเสียด้วย เช่น กรณีดาราสาวเอมี่ ที่แถลงแล้วหนีไปต่างประเทศ
.
ผมไม่โทษผู้ต้องหา คนทำผิดต้องคิดหนี แต่คนช่วยบังให้นี่สิ น่าคิดว่ายิ่งทำยิ่งรวย ไม่ได้มาจากค่าว่าความ แต่มาจากการสนับสนุนให้หนีความหรือเปล่า?
.
การใช้วิชาชีพที่ผิดจากเจตนารมย์ ทั้งสื่อ ทั้งทนาย ย่อมส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างอย่างคาดไม่ถึง 
.
สังคมลองตรองดูเอาเอง
.
ทนายตั้มอย่าไปอาศัยคราบคนดีอ้างในเพจว่า เป็น “เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน” 
.
ชาวบ้านมีคดีหวังหนีร้อนมาพึ่งทนายประชาชน กลับถูกเรียกเอาค่าคุยหารือระยะเวลาสั้นๆ
.
พอเห็นว่าลูกความมีสะตุ้งสตางค์ ก็ชวนไปแถลงข่าว เสียเงิน 300,000 บาท
.
สังคมได้สิ่งที่ไร้สาระจากสื่อ ทนายตั้มได้เงิน และผมก็ต้องทนเขียนเรื่องไร้สาระถึงคุณ 
.
สู้ให้ผมไปทำงานของผม ต่อต้านกัญชาของพรรคบ้ากัญชา เขากระโดง ซุกหุ้น ซุกที่ และทุจริตคอรัปชั่นอีกมากดีกว่า
.
เมื่อสังคมวิปริตต้องเลือกเอาเองแล้วครับว่าจะใช้คนอย่างผมหรือไม่ 
.
เพราะเวลาตาย ผมยอมตายเดี่ยว เมื่อมาคนเดียวก็ไปคนเดียว
ทนายสีเทา! \"ชูวิทย์\" ฝากถึง \"ทนายตั้ม\" อย่าหาประโยชน์ในคราบคนดี
นอกจากนี้ "ชูวิทย์" ยังได้โพสต์ภาพในช่องแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม มีรายละเอียดระบุว่า..

“ทนายประชาชน” ผมว่าไม่น่าใช่
เรียก “ทนายแบรนด์เนม” ดีกว่า


logoline