25 มีนาคม 2566 จากกรณี ธนาคาร ย่านทองหล่อ แจ้งตำรวจ ทองหล่อว่า มีบุคคลต่างด้าวใช้เอกสารเดินทางปลอมมาใช้ในการขอทำสมุดบัญชีใหม่ จึงได้ไปตรวจสอบและพบว่า มีการใช้เอกสารเดินทางปลอมเป็นเจ้าของบัญชี ซึ่งในบัญชีดังกล่าวมีเงินมากถึง 176 ล้านบาท เหตุเกิดวานนี้(24 มีนาคม 2566)
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ ดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวเพื่อขยายผลจับกุมโดยเร่งด่วน รวมทั้งตรวจสอบที่มาของเงินในบัญชีว่า เงินจำนวนมาก ซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ เข้ามาอยู่ในประเทศไทยได้อย่างไร
ทั้งนี้ ตามวันเวลาเกิดเหตุ มีกลุ่มคนไทยจำนวน 4 คน พร้อมด้วยชาวกัมพูชา 1 คน อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าว นำเอาเอกสารเดินทางสัญชาติกัมพูชาเข้ามาติดต่อกับธนาคาร ขอทำสมุดบัญชีเล่มใหม่ เพื่อใช้ในการถอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าวได้ในอนาคต แต่ปรากฎว่า ใบหน้าของชาวกัมพูชาไม่ตรงกับใบหน้าของบุคคลเจ้าของบัญชี ธนาคารจึงแจ้งให้ตำรวจทราบเพื่อมาตรวจสอบ
เบื้องต้น พบชาวกัมพูชาใช้เอกสารปลอม ทั้งพาสปอร์ตและหนังสือมอบอำนาจ เพื่อทำธุรกรรม แต่ทางธนาคารไม่ดำเนินการตามที่ร้องขอ เนื่องจากตรวจสอบพบว่า เจ้าของบัญชีเป็นชาวจีน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปสอบสวน ที่ สน.ทองหล่อ กระทั่งช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คุมตัวชายชาวกัมพูชาไปฝากขังที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้มีความพยายามหลายครั้ง ในการมาขอถอนเงินออกจากบัญชี แต่ไม่สามารถหาเอกสารตามที่ธนาคารร้องขอได้ ในส่วนของบัญชีดังกล่าวพบว่า มียอดเงินในบัญชีสูงถึง 176 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการทยอยโอนเงินสูงถึงหลักล้านบาทเข้าในบัญชีหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2561 คาดว่าจะเป็นเงินที่ได้จากกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เงินในบัญชีดังกล่าว คาดว่าเป็นเงินของกลุ่มแก๊งชาวจีน ซึ่งกระทำผิดแล้วโอนเงินมารวมไว้ในบัญชี ก่อนที่จะใช้ความพยายามในการถอนเงินออกจากบัญชีโดยการปลอมเอกสารเดินทางขึ้นมา ในชั้นนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลจับกุมคนไทยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งทราบว่ามีบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่มีส่วนร่วมด้วย ทั้งนี้ หากพบผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดดังกล่าว จะให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด