15 มีนาคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว กรณีที่ประชุม ครม.ได้ถอนวาระการพิจารณาโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พูดผิดในประเด็นที่ระบุว่า ไม่มีการล็อกสเปคเพราะศาลปกครองตัดสินแล้ว แต่ที่จริงแล้ว ศาลปกครองสูงสุดตัดสินเรื่องการแก้ไขหลักเกณฑ์ ปี256363 จากหลักเกณฑ์ต้องถูกและดี เป็นใช้ดุลยพินิจในการพิจารณา ส่วนประเด็นการล็อคสเปคเป็นเรื่องที่ถูกยื่นเข้าไปในปี 2565 และศาลปกครองสูงสุดยังไม่มีการตัดสินในประเด็นดังกล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
"บิ๊กตู่" ยัน ครม.ไม่ได้ถกปมรถไฟฟ้าสีส้ม ไม่รู้ "สมศักดิ์-สุริยะ" ย้ายหนี
นอกจากนี้ ยังมีคดีค้างอยู่ที่ศาลปกครองอีก 2 คดี คือการยกเลิกการประมูลโดยมิชอบเมื่อปี 2563 โดยชั้นต้น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แพ้คดี ขณะนี้คดีอยู่ที่ศาลปกครองสูงสุด ส่วนคดีที่ 2 คือการล็อคสเปคครั้งที่ 2 ยังอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลปกครอง
ทั้งนี้ ตนไม่ได้เข้าข้างหรือสนับสนุน BTS หาก "ช. การช่าง" ลดราคาการประมูลมาตนก็พร้อมจะเชียร์ ขณะที่ผลตอบแทนที่ให้รัฐบาลก็มีมูลค่าที่ต่างกัน BTS ให้ผลตอบแทน 70,000 ล้านบาท แต่ BEM ให้ผลตอบแทน 7,000 กว่าล้านบาท แต่รัฐบาลกลับเลือกบริษัทที่ให้ผลตอบแทนน้อยกว่า เพื่อรับส่วนต่างในการใช้ในการหาเสียง
ตนจึงต้องดำเนินการในนามของประชาชนออกรณรงค์ทำลายเสียง และในวันศุกร์นี้ตนจะเดินทางไปที่กกต.เพื่อยื่นเรื่องขอยุบพรรคภูมิใจไทย ที่ใช้นอมินีในการเข้ามารับงานประมูลในกระทรวงที่ตัวเองดูแล และขอให้มีการยุบพรรคก่อนเลือกตั้ง หากยุบพรรคหลังเลือกตั้งส.ส.ที่ได้รับเลือกมาจะเปลี่ยนไปสังกัดพรรคอื่นได้
สำหรับการทำลายเสียงนายชูวิทย์ระบุว่าตนจะจัดทำหนังสือที่รวบรวมผลงานของพรรคภูมิใจไทย โดยเป็นสมุดว่างเปล่า ผลิต 200,000 เล่ม เพื่อกระจายให้ประชาชนได้เห็นว่าผลงานของพรรคภูมิใจไทยคือความว่างเปล่า พร้อมจัดทำเสื้อยืดใครโกงชูชก / โนคอรัปชั่น แจกฟรี 2 แสนตัวตัวโดยจะแจกในจุดที่ตนไปทำลายเสียง
จากนั้น นายชูวิทย์ได้เดินทางไปทำลายเสียงตามที่ให้สัมภาษณ์โดยลงพื้นที่บริเวณตลาดวังหลัง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากพ่อค้าแม่ค้า ย่านตลาดวังหลัง พร้อมกับมีการประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้ประชาชนไม่ลงคะแนนเสียงให้พรรคภูมิใจไทย