25 มกราคม 2566 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานของกลุ่มขบวนการฟอกเงินคดียาเสพติด มามอบให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เพื่อสืบสวนดำเนินคดี และยึดอายัดทรัพย์ นักการเมืองชื่อดังระดับประเทศ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และสมคบกันฟอกเงิน และเป็นนายทุนใหญ่กลุ่มการเมืองโดยเชื่อมโยงกับกลุ่มพนันออนไลน์ชื่อดังระดับประเทศ
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ได้เข้าหารือกับ นายสมศักดิ์ และ เลขาธิการ ป.ป.ส. เพื่อส่งมอบหลักฐานให้ โดยระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวที่นำมามอบให้ คือเส้นทางการเงินของ สมาชิกวุฒิสภา ท่านหนึ่ง ที่ตนเองได้แฉมาตลอด และให้ชื่อย่อตัวอักษร โดยได้ชี้ให้เห็นว่า สว.รายดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด
เส้นทางการเงินโรงขบวนการยาเสพติด
นายอัจฉริยะ ได้ไล่เรียงเส้นทางการเงิน อธิบายเอกสารบนกระดานให้เห็นภาพกันอีกครั้ง ว่า เริ่มต้นคดีของ สว.รายนี้ มีความเชื่อมโยงกับเข้าของโรงงานผลิตยาบ้าในประเทศเพื่อนบ้าน ชื่อนายมานะ ซึ่งนายมานะ ได้ใช้บัญชี นายคมกริช และใช้เงินที่ได้จากการค้ายา โอนเงินให้กับนายทัพประสาร
สำหรับนายทัพสาร เป็นลูกจ้างของ สว.รายนี้ และได้เบิกถอนเงินสดให้นายจ้าง กว่า 1,978 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2552-กันยายน 2557 ที่มีการโอนเงินและเบิกถอนเงินสดในยอดนี้ ตนเองมีหลักฐานการโอนเงินทั้งหมด จึงชี้ให้เห็นว่าสว.รายนี้ เกี่ยวข้องกับการรับโอนเงินยาเสพติดกับนายทัพประสาร ในปี 2552-2557 มาตลอด
สว.ดัง เอี่ยวผู้ต้องหาสมคบฟอกเงิน
นายอัจฉริยะ บอกอีกว่า ยังมีอีกหนึ่งตัวละครที่ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงกับการค้ายาเสพติด คือ นางปิยะดา ที่เป็นแม่บ้าน ซึ่งถูกจับกุมแล้ว รับเงินจากขบวนการค้ายาเสพติด ชี้ให้เห็นว่า ปี 2557-2560 นางปิยะดา ได้รับเงินโอนจากนายทัพประสาร และนางปิยะดา มีการโอนต่อให้สว. รายนี้ กว่า 124 ล้านบาท และปี 2562 สว.รายนี้ ที่เป็นเจ้าของบริษัท มีการโอนให้ลูกเขยในปี 2563 ซึ่งมีนางปิยะดา เป็นหุ้นส่วน และ สว.รายนี้ ก่อนได้รับตำแหน่งเป็น สว. เมื่อปี 2562 ยืนยันว่าได้ขายบ่อนกาสิโน ในนามบริษัท มูลค่า 8 ล้านดอลลาร์ฯ โดยจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คให้กับผู้ซื้อ และได้ยื่นบัญชีให้กับ ป.ป.ช. เพื่อแสดงบัญชีทรัพย์สินด้วย
และตั้งแต่ปี 2562 ที่พบว่า มีความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสมคบกันฟอกเงินยาเสพติดรวม 8 หมายจับ โดยมีทั้งผู้ที่ถือครองทรัพย์สินแทน และเบิกเงินออกจากบัญชี มูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
แม้ว่า สว.รายนี้ จะอ้างว่าได้ขายกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้านให้กับนายเอ็ดดี้ ไปแล้ว แต่ก็ไม่พบหลักฐานการโอนเงินซื้อขาย และเชื่อว่าเป็นการให้นายเอ็ดดี้ ถือครองทรัพย์สินแทน ซึ่งยังพบข้อมูลอีกว่า สว.รายนี้ มีคดีสมคบกันฟอกเงินของกรมสอบสวนคดีพิเศษ 1 คดี และคดีของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดอีก 1 คดี ที่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน
จี้ ผบ.ตร. ออกหมายจับ เชื่อหลบหนีภายใน 3 วัน
โดยหลักฐานทั้งหมด ได้ส่งให้เลขาป.ป.ส. ตรวจสอบแล้ว พร้อมกันนี้นายอัจฉริยะ เชื่อว่าหากเปิดเผยเรื่องในวันนี้แล้ว สว.รายนี้จะเตรียมหลบหนีภายใน 3 วัน ซึ่งหากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังไม่ดำเนินการขอศาลออกหมายจับ ก็จะไปร้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพิ่มเติม
เส้นทางการเงินเชื่อมโยงซีอีโอดัง
นายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า นายเอ็ดดี้ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ่อนกาสิโนนั้น ยังได้นำเงินที่ สว.รายนี้ มาฝากไว้ ไปฟอกเงินกับซีอีโอชื่อดัง ซึ่งมีหลักฐานเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกันชัดเจน ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และพนันออนไลน์ พร้อมทั้งอยากให้ตรวจสอบผู้ที่ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 กับกองสลากพลัส โดยตรวจบัญชีเงินฝากของผู้ที่ถูกรางวัลว่ามีเงินตามที่ถูกจริงหรือไม่
ส่วนนายเอ็ดดี้ ก่อนหน้านี้ยังพบว่า มีความสัมพันธ์กับอดีตบิ๊กตำรวจมือ 1 ของไทย ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและให้ฉายาว่า "มังกรพยัคฆ์" ทำให้สามารถหลบหนี และยังเปิดเว็บไซต์ให้เล่นพนันออนไลน์ได้
ถามนายกฯ ทราบหรือไม่ที่ทำการพรรค เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำผิดกฎหมาย
และยังมีข้อมูลอีกว่า อาคารพาณิชย์ที่ซอยอารีย์ ซึ่งเป็นที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นทรัพย์สินของนายอุปกิต ที่ให้มาไว้ใช้เป็นที่ทำการพรรค จึงถามไปยังนายกรัฐมนตรี ว่าทราบหรือไม่ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำผิดกฎหมาย และกำลังจะถูกยึดอายัดไว้ตรวจสอบ
นายอัจฉริยะ ยังระบุอีกว่า ยังมีบัญชีที่เป็นนอมินีที่ใช้ฟอกเงินอีกจำนวนมาก โดยทรัพย์สินของ สว.รายนี้ ที่ได้รับข้อมูลมามีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งใช้บัญชีนอมินีทั้งหมด แต่หลักฐานที่ ป.ป.ส. สามารถยึดอายัดได้ ประมาณ 5,000ล้านบาท