17 มกราคม 2566 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหาย กว่า 10 คน ที่ถูกมิจฉาชีพแฮ็กบัญชีธนาคารในโทรศัพท์มือถือแล้วโอนเงินออกไป มาร้องขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยดำเนินการติดตามมิจฉาชีพที่ก่อเหตุ
นายเอกภพ กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายที่มาร้องเรียนกับตนเอง ตอนนี้มีมากเกือบ 100 คน ที่ถูกแฮ็กบัญชีธนาคารในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจากการพูดคุยเบื้องต้น ทุกคนยืนยันว่า ไม่มีการโหลดแอปพลิเคชันอะไรแปลก ๆ หรือ เข้าไปกดลิงก์แปลกปลอมที่ส่งเข้ามา และยืนยันว่าหลายคนไม่มีการเปลี่ยนสายชาร์จ หรือ ไปใช้ไวไฟที่อื่น ที่อาจจะเป็นช่องโหว่ของมิจฉาชีพ
ทั้งนี้ ฝากไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ กระทรวงการคลัง และธนาคารเจ้าของบัญชี ควรจะออกมารับผิดชอบ หรือเยียวยาผู้เสียหาย และเร่งหาทางแก้ไขเบื้องต้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะประชาชนหลายคนกังวล
ด้าน น.ส.ณภัทรศนัส (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า อยู่ดี ๆ ก็มีข้อความจากแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ยี่ห้อหนึ่ง ส่ง SMS มาหาตนเอง ซึ่งตนเข้าใจว่า เป็นไลน์ของแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ดังกล่าว ส่งมาบอกให้ตนเองกดลิงก์เข้าไปเพื่อรับโค้ดส่วนลด ตนเองจึงกดเข้าไป ยอมรับว่าประมาทจริง แต่ตั้งข้อสังเกตว่า การโอนเงินออกจากธนาคารที่ผิดปกติวิสัย ปกติจะโอนในหลักหมื่น แต่ครั้งนี้มีการโอนในหลักแสน ทำไมธนาคารถึงไม่ตั้งข้อสังเกตและสอบถามมายังเจ้าของบัญชี
ซึ่งเงินที่ถูกโอนไปเป็นเงินเก็บของลูกเพื่อเป็นทุนการศึกษา หลังจากที่ตนเองกดลิงก์ไปแล้ว ก็กดไม่ได้ ตนจึงตอบกลับไปว่าไม่ได้ จึงทำให้มีเจ้าหน้าที่โทรเข้ามา ตนเองจึงคุย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้ตนเองถือสายรอ 19 นาที จากนั้นก็วางไป และก็พบว่าเงินในบัญชี กว่า 4 แสนกว่านั้น หายไปหมดแล้ว
ผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา มีข้อความมือถือส่งเข้ามาขณะที่ตนเองอยู่บ้าน เป็นรหัส OTP ซึ่งตอนนั้นตนเองไม่ได้เข้าไปกดลิงก์ มารู้ตัวว่าเงินหายไป วันที่ 9 มกราคม จึงไปตรวจสอบรายละเอียด ก็พบว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีตนเองไป หลังจากที่มีการส่งข้อความ OTP มาเพียง 5 นาที และถูกโอนเงินออกไป จำนวน 2 บัญชี กว่า 2 แสนบาท
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เคยไปกดลิงก์อะไร ก่อนหน้าเคยมีคอลเซ็นเตอร์โทรมา แต่ก็กดทิ้งไปไม่ได้รับสาย แต่ที่ผิดสังเกตคือ ก่อนหน้านั้นมือถือตนเองมีอาการค้าง ๆ ดูผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
ด้าน พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ตอท. ) กล่าวว่า จากนี้จะนำข้อมูลของผู้เสียไปตรวจสอบ และจะทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดเพื่อตรวจสอบพฤติการณ์ของมิจฉาชีพว่ามีรูปแบบใดบ้าง เพราะกรณีในลักษณะแบบนี้ ไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนสาเหตุหรือพฤติการณ์ของมิจฉาชีพตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องไปตรวจสอบอย่างละเอียด
ยืนยันจะหาต้อตอของขบวนการดังกล่าวให้ได้ ส่วนที่ว่าจะเป็นการเข้ารหัสจากการเล่นโซเชียลมีเดียหรือไม่นัด ยังไม่สามารถบอกได้ และได้ฝากเตือนประชาชนให้แบ่งเงิน ในส่วนเงินเก็บ ก็ไม่ควรจะผูกกับแอปบัญชีธนาคาร