
นอกจากนั้นยังพบยาเสพติดจำนวนมาก เช่น แฮปปี้วอเตอร์ 323 ซอง ไฟว์ไฟว์ 8 เม็ด ยาอี 3,919.7 กรัม และเคตามีน 855.9 กรัม รวมถึงตรวจยึดทรัพย์สิน 49 รายการ และรถหรู 35 คัน
"ชูวิทย์" เจ้าของฉายา "จอมแฉ" ออกมาเปิดโปงว่า “ตู้ห่าว” เป็นเจ้าของผับ และเป็น 1 ใน 5 กลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งระบุว่าเป็นกลุ่มที่เข้ามาทำธุรกิจสีเทาในไทย ทั้งบ่อนการพนัน ผับ บาร์ ยาเสพติด และการฟอกเงิน ทำงานเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย และมีความสัมพันธ์ถึงผู้มีอำนาจในประเทศ
เสื่อผืนหมอนใบ สู่ "ตู้ห่าว" มหาเศรษฐีหมื่นล้าน
“หาวเจ๋อ ตู้” เรียกกันสั้นๆว่า "ตู้ห่าว" มีชื่อไทยว่า "ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์" นักธุรกิจชาวจีน เป็นหนึ่งใน 5 เสือของกลุ่มนักธุรกิจท่องเที่ยวจีนในไทย เริ่มทำธุรกิจในไทย โดยก่อตั้ง “กั่วลี่กรุ๊ป”
ต่อมา "ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์" ได้รับสัญชาติไทย เมื่อจดทะเบียนสมรสกับตำรวจหญิงชาวไทย ยศ "พ.ต.อ.หญิง" มีศักดิ์เป็นหลานของ พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ก่อนหน้านี้ ตู้ห่าว เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า เขาเดินทางมาจากจีน เพราะหวังพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ประกอบสัมมาชีพสุจริต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ได้ work permit ตามขั้นตอน และเมื่อแต่งงานกับหญิงไทย มีลูกด้วยกัน จึงได้สัญชาติไทย เป็นพลเมืองไทยถูกต้อง กระทั่งกลายเป็นนักธุรกิจผู้มีความสัมพันธ์กับทั้งตำรวจชั้นผู้ใหญ่และนักการเมืองในวันนี้
เมื่อรัฐส่งเสริมธุรกิจ ตู้ห่าวได้เปิดศูนย์แสดงสินค้า อัญมณี ที่นอนยางพารา สมุนไพร จำหน่ายสินค้าให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภูเก็ต นำเงินเข้าประเทศ ทั้งหมดนี้มีหุ้นส่วนคนไทย มิได้เป็นนอมินีใคร คนงานเป็นคนไทย สร้างรายได้ กระจายรายได้หมุนเวียนในประเทศ ชัยณัฐร์ บอกว่า กั่วลี่กรุ๊ป คือบริษัทคนไทย
ก่อนถูกเปิดโปง ทุนจีนสีเทา เคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีจ้างวานใช้และพยายามฆ่าผู้อื่น และใช้จ้างวานวางเพลิง เผาทรัพย์สินผู้อื่น ในกรณีที่กลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปเผาสวนงู หรือ บริษัท ภูเก็ต เฮลตี้นูทรีเมนต์ จำกัด ที่ จังหวัดภูเก็ต และทำร้าย นายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ. ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนพิการ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 23 เม.ย. 55
คดีดังกล่าว หลังใช้เวลาสอบสวน 5 ปี อัยการประจำจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้น ใช้เวลาเพียงวันเดียว ก่อนที่จะมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว ทั้งที่เอกสารมีมากกว่า 500 แผ่น
นักธุรกิจหมื่นล้าน สู่ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด
ทันทีที่ "ผับจินหลิง" กลายเป็นข่าวใหญ่ ชื่อของ "ตู้ห่าว" ถูกพูดถึงอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นข่าวใหญ่ที่สุดแห่งปี มหากาพย์ที่เปิดโปงความฉ้อฉลของหน่วยงานรัฐ รวมไปถึงผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่เกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา ทั้งบ่อน ยาเสพติด และการฟอกเงินเหล่านี้
เมื่อตำรวจได้เปิดปฏิบัติการ ‘ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน’ ขยายผลการจับกุมจากผับจินหลิง เข้าตรวจค้นสถานที่หลายแห่ง อาทิ บ้านพักในเขตประเวศ, คอนโด ซอยสุขุมวิท 39, คอนโดริมแม่น้ำ ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 17 เขตคลองสาน, คอนโดหรูย่านสาทร ซึ่งกรณีหลังได้พบยาเสพติดจำนวนหนึ่ง พบว่าเจ้าของห้องคือ "หวังเจิ้น หนาน" ซึ่งเป็นหลานชายของ "ตู้ห่าว" ซึ่งได้หลบหนีออกนอกประเทศก่อนการควบคุมตัว
การสืบค้นดำเนินอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีการออกหมายจับ "ตู้ห่าว" ใน 3 ข้อหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จนนำไปสู่การค้นบ้าน "พ.ต.อ.วัทนารีย์" ภรรยาของ ตู้ห่าว เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ตู้ห่าวจะเข้ามอบตัวในบ่ายวันเดียวกัน พร้อมปฏิเสธเรื่องความเชื่อมโยงกับยาเสพติดภายในผับจินหลิง
อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า มีหลักฐานว่าตู้ห่าวมีความเชื่อมโยงกับผับจินหลิง โดยมีชื่อเป็นผู้เช่าผับ และยังสืบสวนพบว่า ตู้ห่าวอยู่ในคืนที่ตำรวจบุกค้นผับจินหลิงด้วยเช่นกัน ยืนยันว่าสามารถเอาผิดตู้ห่าวได้แน่นอน และ "ตู้ห่าว" ไม่ได้รับการประกันตัว ถูกส่งเข้าเรือนจำความมั่นคงสูง
เดินหน้ายึดทรัพย์ "ตู้ห่าว" หมื่นล้าน
เมื่อตำรวจจับกุม "ตู้ห่าว" มีการขยายผลจับกุม นำไปสู่การตรวจค้นบ้านพัก, คอนโดหรู รวมถึงธุรกิจในเครือตู้ห่าวหลายแห่ง และจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 102 ราย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนจีนเทา
การเข้าตรวจยึดทรัพย์สินที่กลายเป็นสำคัญ คือการตรวจค้น บ้านหรู 4 หลัง ในซอยแบริ่ง-ลาซาล จ.สมุทรปราการ หลังการมอบตัวของตู้ฮ่าวคือ โดยเจ้าหน้าที่พบว่าคนจีนได้เข้ามาใช้เงินสดกว้านซื้อบ้านในหมู่บ้านนี้ถึง 50 หลัง โดยราคาบ้านหลังละ 35-50 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มคนจีนที่พักอยู่ที่นี่มีความเชื่อมโยงกับผับจินหลิง ชอบมามั่วสุม เล่นไพ่ จัดงานเลี้ยงเสียงดังในเวลากลางคืน
ในเวลาต่อมา พบว่า หมู่บ้านหรูข้างต้นว่า ผู้ที่ลงทุนสร้างหมูบ้านดังกล่าวคือ SC ASSET ซึ่งมี แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด ซึ่ง SC ASSET ออกแถลงการณ์ชี้แจง ว่า ทางบริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใส ยึดหลักกฎหมาย และบ้านทุกหลังขายให้เฉพาะคนไทยและนิติบุคคลเท่านั้น ผู้ถือหุ้นบริษัท ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆ กับการซื้อขายบ้านในทุกกรณี
ขยายผลสอบ นอมินี"ตู้ห่าว"
ตำรวจเกิดหน้าคดีในการสอบเส้นทางการเงิน "ตู้ห่าว" โดยเรียก นางพัชรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) และนางสาวหลิน (สงวนนามสกุล) เพื่อให้ข้อมูล หลังจากพบว่ามีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท ที่มี "ตู้ห่าว" เป็นประธานกรรมการ พบถือหุ้น 3-4 บริษัท เร่งขยายผลเส้นทางการเงินและความสัมพันธ์ พร้อมเข้าค้น 10 มูลนิธิ ที่มีเอี่ยวออกวีซ่าคนจีน ทั้งเรียกรับผลประโยชน์และใช้วีซ่าผิดประเภท
ภายหลังสอบปากคำ “พัชรินทร์” และ “หลิน” ทั้งสองคนไม่ให้สัมภาษณ์ ขณะทนายยันลูกความทำธุรกิจถูกกฎหมาย ย้ำความสัมพันธ์กับ "ตู้ห่าว" แค่ทำธุรกิจร่วมกัน ไม่มีเกี่ยวเรื่องชู้สาวแต่อย่างใด โดยให้ปากคำข้อมูลเรื่องเส้นทางการเงินและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม ในฐานะผู้ถือหุ้นและกรรมผู้มีอำนาจในโรงแรมเท่านั้น
ก.ยุติธรรม รับคดี"ตู้ห่าว"เป็นคดีพิเศษ เดินหน้ายึดทรัพย์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.65 ระบุว่า คดี "ตู้ห่าว" เข้าเงื่อนไขฟอกเงินและรับเป็นคดีพิเศษแล้ว
ทั้งนี้ การทำงานของชุดพาลีปราบยา และการทำงานของ ป.ป.ส. ทาง “ดีเอสไอ” ได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว เลขคดีพิเศษ 314/2565 ฐานความผิดฟอกเงิน ตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจาก เป็นคดีการฟอกเงินยาเสพติดมูลค่าสูง กระทบวงกว้าง โดยคณะกรรมการกลั่นกรองได้เสนออธิบดีดีเอสไอ อนุมัติเป็นคดีพิเศษเมื่อ14 ธ.ค.65
ส่วนผลความคืบหน้าคดียึดอายัดทรัพย์ ก่อนหน้านี้ “ดีเอสไอ” อายัดแล้วกว่า 3,209 ล้านบาท ป.ป.ส.ยึดอายัดได้ 2,192 ล้าน ซึ่งมีทรัพย์สินบางส่วนที่ซ้ำกับ “ดีเอสไอ” ทำให้ขณะนี้ยอดรวมอยู่ที่ 4,401 ล้านบาท และทางป.ป.ส. กำลังออกหมายยึดอายัดเพิ่มอีก 1,123 ล้านบาท
รวบคนใกล้ชิด "ตู้ห่าว" ส่งท้ายปี 65
ในวันที่ 24 ธ.ค.65 ขณะใกล้สิ้นปี มหากาพย์"ทุนจีนสีเทา" มีเรื่องเป็นข่าวใหญ่อีกคำรบ เมื่อตำรวจนครบาล บุกรวบ “พ.ต.อ.หญิง” ภรรยาของ “ตู้ห่าว” พร้อมพวก 7 คน ในข้อหา "ร่วมกันฟอกเงิน" คุมตัวเค้นสอบศูนย์สืบสวนนครบาล พร้อมเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 15 ราย ทั้งคนไทยและจีน
นอกจากนี้ ชุดสืบสวนนครบาล ได้จับกุมตัว น.ส.พัชรินทร์ (ขอสงวนนนามสกุล) ที่ปรากฎชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทของ "ตู้ห่าว" โดย น.ส.พัชรินทร์ มีชื่อรองลงมาจากตัวนายตู้ห่าว และ พ.ต.อ.หญิง ภรรยาของ "ตู้ห่าว" แม้ก่อนหน้านี้ น.ส.พัชรินทร์ ได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับ "ตู้ห่าว"
หลังจับกุม ตำรวจนครบาล นำผู้ต้องหาทั้ง 8 รายไปแยกฝากขังตามโรงพักในท้องที่ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 เพื่อรอการส่งฟ้องศาล ในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงิน ซึ่งคาดว่าจะมีการขยายผลในการยึดทรัพย์เพิ่มเติมต่อไป
ก่อนหน้านี้ "ชูวิทย์" ยืนยันว่า ทรัพย์สินของ "ตู้ห่าว" และเครือข่าย "ทุนจีนสีเทา" มีมากกว่าหมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจสีเทา ทั้งบ่อนการพนัน ผับบาร์ และยาเสพติด สร้างรายได้อย่างมหาศาล ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายมากว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถอายัดทรัพย์สินได้มากน้อยเพียงใด
แม้ว่าคดีนี้ยังไม่จบ และ "ตู้ห่าว"ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมที่ยังไม่มีคำพิพากษา แต่ในทางกลับกัน กระบวนการที่ดำเนินมาถึงวันนี้ ต้องยอมรับว่า "ไม่ใช่เรื่องปรกติ" อาจมีผู้มีอำนาจอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีมากกว่านี้
"ทุนจีนสีเทา" จึงเป็นมหากาพย์ ที่ต้องติดตามบทสรุปสุดท้าย ว่าจะลงเอยอย่างไร ?!??