25 ธันวาคม 2565 ความคืบหน้าดำเนินคดีเอาผิด กรณีผู้ช่วยเหลือพา "นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก" หลบหนี ล่าสุดมีรายงานข่าวระบุว่า ตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับอีก 1 ราย หลังมีการซัดทอด และมีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะดำเนินคดี แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า เป็นใคร เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า เบื้องต้นในส่วนของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับนายประสิทธิ์ ในวันเกิดเหตุนั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ทั้งเจ้าหน้าที่พัสดี และผู้ช่วยผู้คุม (ผู้ต้องขังที่มีคุณสมบัติผ่านการพิจารณา) เพื่อหาข้อเท็จจริงให้ได้ว่า กุญแจปลดเครื่องพันธนาการข้อเท้า ของผู้ต้องขังนั้น หลุดออกจากกล่องเก็บไปได้อย่างไร หรือเป็นไปตามที่ตนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ผู้ช่วยผู้คุมอาจมีความเกี่ยวข้องมากที่สุด เนื่องจากในวันที่มีการเตรียมนำตัวผู้ต้องขัง ออกจากเรือนจำไปยังศาล ผู้ช่วยผู้คุมรายดังกล่าว คือ บุคคลเดียวที่อยู่กับนายประสิทธิ์
ขณะที่เจ้าหน้าที่พัสดี ได้ไปค้นตัวผู้ต้องขังอีกสองรายแทน อีกทั้งผู้ช่วยผู้คุมรายนี้ มีบทบาทหน้าที่ช่วยเหลือผู้คุมมายาวนาน และนายประสิทธิ์ก็ออกศาลบ่อย อาจมีเวลาในการพูดคุยครั้งละสั้น ๆ กับบุคคลภายนอก ขณะที่ถูกนำตัวขึ้นศาล แล้วก็รวบรวมข้อมูล ตระเตรียมก่อนวางแผนก่อเหตุ จึงค่อนข้างมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
“อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากทางคณะกรรมการ ซึ่งมี ผอ.กองทัณฑวิทยา เป็นประธาน โดยจะทราบผลภายในหนึ่งสัปดาห์ ทั้งนี้ ระหว่างกระบวนการการสอบสวน เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ได้ถูกย้ายไปยังส่วนกลางของกรมราชทัณฑ์ก่อน”
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้องน้ำชั้น 9 ของศาลอาญา ตนต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ที่ไปยืนคุมการเข้าห้องน้ำของนายประสิทธิ์ คือ บุคคลเดียวกับที่กระชากเสื้อของนายประสิทธิ์ ที่บริเวณชั้น 6 จนขาด และได้มีการตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ศาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงภายในอาคาร จึงเป็นไปไม่ได้ว่า เจ้าหน้าที่ที่เฝ้านายประสิทธิ์ในห้องน้ำนั้น จะมีส่วนรู้เห็นถึงการหลบหนีระหว่างพิจารณาคดีในครั้งนี้
"ขณะนี้ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมตรวจสอบถึงเส้นทางการเงิน ของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และบุคคลที่อยู่รอบตัวนายประสิทธิ์ ในวันเกิดเหตุ เพื่อหาความเคลื่อนไหวทางการเงิน อาทิ เจ้าหน้าที่พัสดี ผู้คุม ผู้ช่วยผู้คุม รวมถึงผู้ต้องหาทั้งสามราย ที่อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำขณะนี้ ที่ให้ความช่วยเหลือนายประสิทธิ์ เพื่อดูว่า มีความเคลื่อนไหวในเรื่องของการเงิน สนับสนุนให้การช่วยเหลือในครั้งนี้หรือไม่"
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ยังระบุอีกว่า หากการสอบสวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ในเรื่องดังกล่าวจริง โทษสูงสุดคือการถูกจำคุก และผิดวินัยร้ายแรง ก็ต้องถูกไล่ออกจากราชการ