svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ด่วน! ตำรวจไซเบอร์คุมตัวอาจารย์ดังแอบอ้างเบื้องสูง เปิดบริจาคไปสอบปากคำ

17 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ด่วน! ตำรวจไซเบอร์คุมตัวอาจารย์ดัง โพสต์เฟซบุ๊กแอบอ้างเบื้องสูง เปิดบริจาคไปทำพิธีตามความเชื่อของตน ไปสอบปากคำ พบแค่วันเดียวมีผู้หลงเชื่อโอนเงินทะลุล้าน

17 ธันวาคม 2565 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ นำกำลังตำรวจไซเบอร์ เข้าเชิญตัว นายเอ (รองศาสตราจารย์ สุวินัย ภรณวลัย) ไปสอบปากคำ บก.สอท. 

 

ด่วน! ตำรวจไซเบอร์คุมตัวอาจารย์ดังแอบอ้างเบื้องสูง เปิดบริจาคไปสอบปากคำ

 

ด่วน! ตำรวจไซเบอร์คุมตัวอาจารย์ดังแอบอ้างเบื้องสูง เปิดบริจาคไปสอบปากคำ
 

การเข้าควบคุมตัวไปสอบปากคำครั้งนี้ สืบเนื่องจากนายเอ (รองศาสตราจารย์ สุวินัย ภรณวลัย) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Suvinai Pornavalai  ในทำนองว่า สามารถทำพีธีกรรมตามความเชื่อของตนเอง ให้บุคคลสำคัญหายจากอาการป่วยได้ โดยมีการเปิดบัญชีบริจาคแอบอ้างว่า จะนำเงินบริจาคไปทำพิธีตามความเชื่อของตน 

 

ด่วน! ตำรวจไซเบอร์คุมตัวอาจารย์ดังแอบอ้างเบื้องสูง เปิดบริจาคไปสอบปากคำ
 

ทั้งนี้พบว่า ตั้งแต่มีการเปิดบริจาคเมื่อช่วงเช้าวันนี้ มียอดเงินบริจาคทะลุหลักล้านแล้ว ตำรวจจึงได้เชิญมาสอบปากคำ พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูล รวมไปถึงกรณีการเปิดระดมทุนจัดทำพิธีดังกล่าว และจะมีการแถลงรายละเอียดที่ บก.สอท. อีกครั้ง 

 

ด่วน! ตำรวจไซเบอร์คุมตัวอาจารย์ดังแอบอ้างเบื้องสูง เปิดบริจาคไปสอบปากคำ

 

ด่วน! ตำรวจไซเบอร์คุมตัวอาจารย์ดังแอบอ้างเบื้องสูง เปิดบริจาคไปสอบปากคำ

 

ภายหลัง พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. แถลงการจับกุมนายสุวินัย ภรณวลัย อายุ 66 ปีหลังแอบอ้างเบื้องสูง เพื่อเปิดบัญชีรับบริจาคเงินทำพิธีบายศรีขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยจับกุมได้ที่บ้านพัก ในซอยพัฒนาการ 44 แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ

พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังตำรวจสืบทราบข้อมูล ได้รับคำสั่งให้ติดตามตรวจสอบและพบว่า ผู้ต้องสงสัยมีบ้านพักอยู่ย่านสวนหลวง จึงเดินทางไปเชิญมาสอบปากคำ โดยเจ้าตัวเป็นอาจารย์เกษียณอายุ พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ระบุว่า ตัวเองไร้เจตนาไม่ดี เพียงเพราะมองว่า หากวิทยาศาสตร์ช่วยไม่ได้ ก็ต้องใช้พิธีกรรมเข้าช่วย

ซึ่งจากการสอบปากคำพบว่า เจ้าตัวมีสติเต็มร้อย และไม่พบว่า เข้าข่ายตามมาตรา 112 แต่เข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามกฎหมายอาญา ม.343 และ ม.344 , และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ม.14 (1) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร มีโทษปรับ 200 บาท ซึ่งผู้ต้องหาให้การภาคเสธในข้อหาฉ้อโกงประชาชน

พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบยอดเงินบริจาคพบว่า มียอดเกือบ 7 แสนบาท แต่โอนเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับพิธีกรรม โดยว่าจ้างผู้ทำพิธีที่สำนักงานใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ไปแล้ว 3 แสนบาท จากนี้จะตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีความเชื่อมโยงไปบัญชีผู้ใดบ้าง

สำหรับผู้ที่โอนเงินบริจาคไปแล้ว สามารถมาแสดงเจตจำนงค์ และร้องทุกข์กล่าวโทษที่ บก.สอท.1 ได้หากต้องการเงินคืน พร้อมฝากถึงประชาชนด้วยว่า ขอให้ระมัดระวังการโพสต์ต่าง ๆ ที่มีลักษณะก้าวล่วงเบื้องสูงในช่วงเวลานี้ 


พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.

 

 

logoline