
เริ่มปฐมบท มหากาพย์ "ทนายตั้ม ออกโหนกระแส แจงถึงความร่ำรวยตัวเอง"
โดย เมื่อวันที่ 23 ต.ค.67 "หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย" เชิญ "ทนายตั้ม" มาออกรายการ "โหนกระแส" บางช่วงมีการตั้งคำถามถึง "ที่มาความร่ำรวย" ของ "ทนายตั้ม" ทำไมสามารถใช้ของแบรนด์เนมได้ทั้งตัวขนาดนั้น
แถมยังกินหรูอยู่แพง บินเฟิร์สคลาสเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่น ซึ่งอาชีพทนายความ มันทำเงินได้เยอะขนาดนั้นเลยหรือ
ซึ่ง ทนายตั้ม เล่าให้ฟังว่า ค่าทนายปกติก็ไม่ได้เยอะ แต่เขาได้รับเงินโดยเสน่หา จากลูกความบางคน ที่ให้เงินด้วยความรัก ด้วยความชอบ
โดยอ้างถึง "พี่อ้อย" หรือ "เจ๊อ้อย" น.ส.จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีนีคนไทย ที่ย้ายไปอยู่ประเทศฝรั่งเศส จ่ายค่าจ้างให้ทนายตั้มเดือนละ 3 แสนบาท เป็นเวลา 1 ปีติดต่อกัน จากนั้นก็โอนเงินก้อนใหญ่ อีก 2 ล้านยูโร (71 ล้านบาท) ให้นายษิทราโดยตรง ดังนั้นเขาจึงมีเงินซื้อของแบรนด์เนมต่างๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา
สำหรับ "เจ๊อ้อย" ตัวละครสำคัญของคดีนี้ เธอเคยถูกแจ็กพอต ล็อตโต้ ได้เงินมูลค่ารวม 157 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นการถูกรางวัลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ครั้งหนึ่งในโลก ทำให้เธอเป็นเศรษฐีนี และมีเงินใช้จ่ายจำนวนมาก
ปัจจุบันอาศัยอยู่กับสามีที่ฝรั่งเศส ซึ่งทนายตั้มอ้างว่า ทั้งคู่สนิทสนมกันเป็นอย่างดี ดังนั้นจะโอนเงินให้กันและกัน ก็ไม่แปลกตรงไหน
วันเดียวกันเว็บข่าว "Manager online" เสนอข่าวว่า นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์"
ต่อมา "ทนายตั้ม" โพสต์เฟสบุ๊กตอบโต้ทันที ระบุว่า "พี่สนธิ" ลงข่าวผมฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน พนันกันไหม ใครหน้าแหกดื่มเยี่ยว 71 แก้ว แถมยังมีบางประโยคเรียก "นายสนธิ" แบบไม่ให้เกียรติอีก
จากนั้น "นายสนธิ ลิ้มทองกุล" ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ "SONDHI TALK" กับ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ "Sondhitalk" ทาง youtube ถึงทนายตั้ม จั่วหัวเรื่อง "สนธิฝากถึงทนายตั้ม" เหมือนเป็นการเริ่มต้นการเปิดศึก หลังถูกทนายตั้มโพสต์ด่าพาดพิง
ต่อมา "นายสนธิ ลิ้มทองกุล" ได้ไลฟ์สด เปิดแผล "ทนายตั้ม" อีก พร้อมประกาศว่าหลังจากนี้ "จัดหนักทนายตั้มแบบสุดซอย" ตามที่ร้องขอ พร้อมรับคำท้า "ใครแพ้ ดื่มเยี่ยว 71 แก้ว"
จากนั้น "นายสนธิ ลิ้มทองกุล" ได้ระดมรัวเปิดข้อมูล ว่า "เจ๊อ้อย" น.ส.จตุพร อุบลเลิศ พร้อม "พี่น้อย" เลขาคนสนิทเจ๊อ้อย ได้เข้าขอเข้าพบ พร้อมนำหลักฐานที่ "ทนายตั้ม" ฉ้อโกง หลายคดี ต่างกรรมต่างวาระ ไม่ใช่แค่เงิน 71 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ "เจ๊อ้อย" ได้มอบอำนาจให้ทนาย เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 ก.ย.67 เอาผิด "ทนายตั้ม" ในข้อหาฉ้อโกง เงิน 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 71 ล้านบาท
สถานการณ์ของ "ทนายตั้ม" เริ่มโดนกดดันมากขึ้น เมื่อวันที่ 25 ต.ค.67 พนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง ได้โอนคดี “ทนายตั้ม” ถูกกล่าวหาโกงเงิน 71 ล้านบาท ให้ตำรวจสอบสวนกลาง" ทำคดีต่อ
เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ และมูลค่าความเสียหายเยอะ ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึง "ทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย" และ "ยังเป็นทนายคนดัง ที่ชอบออกมาสร้างกระแสช่วยเหลือสังคม"
ต่อมา วันที่ 31 ต.ค.67 "เจ๊อ้อย" และ "พี่น้อย" พร้อมทีมทนายความ เดินทางเข้าให้ปากคำ ตำรวจกองปราบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยให้ปากคำแบบนอนสต๊อปถึง 12 ชม. จากนั้นชี้แจงสื่อว่า ไม่ได้ให้เงิน 71 ล้านบาท กับ "ทนายตั้ม" โดยเสน่หา ตามที่ ทนายดังเคยแจงก่อนหน้านี้
หลังจากนั้น "พี่อ้อย" และ "พี่น้อย" พร้อมทีมทนายความ ยังเข้าให้ปากคำ พนักงานสอบสวนอีกหลาย 3 รอบ เนื่องจากตำรวจมีการสอบเพิ่มอีกหลายประเด็น
ขยายจากคดีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ไปยังประเด็นอื่นๆอีก เพราะมีความสลับซับซ้อน แต่ก็ยังไม่มีวีแววว่าตำรวจจะออกหมายเรียก "ทนายตั้ม" มาสอบปากคำซักกะที
กระทั่งวันที่ 5 พ.ย.67 "ทนายตั้ม" เดินทางมาปรากฏตัวครั้งแรก ที่กองปราบ หลังเก็บตัวเงียบมานานนับสัปดาห์ พร้อมโวยต่อสื่อมวลชนว่ามีตำรวจไปเฝ้าที่บ้าน และชี้แจงปมถูก "เจ๊อ้อย" แจ้งความดำเนินคดี
ติดตามตอนต่อไป ที่สุดแห่งปี 2567 มหากาพย์ "ทนายตั้ม" ตอนที่ 2 "โดนรวบพร้อมเมียรัก คารถหรู"