ทนายอนันต์ชัย พาหลวงพ่อวัดสุทธิวราราม แจงปมยักยอกเงินวัด 95 ล้าน

วันนี้ (4 ส.ค.) พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม พร้อม ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช และทีมทนายกองทัพธรรม ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่นายชาญณรงค์ เพียรดี อดีตไวยาวัจกรวัดสุทธิวราราม ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าคณะเขตสาทร เจ้าคณะแขวงสาทร และผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ว่า ยักยอกเงินวัดจำนวน 95 ล้านบาท และนำศพของวัดที่เผาไม่หมดไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา

โดย ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า เวลาพระสงฆ์ถูกรังแกจากสังคม พระสงฆ์ไม่สามารถออกมาแก้ข่าวได้เลย เพราะติดที่พระธรรมวินัย จึงเป็นความลำบากใจของพระสงฆ์ ซึ่งตั้งแต่มีทนายกองทัพธรรมขึ้นมาจะไม่ให้เกิดปัญหาอย่างนี้ขึ้นอีก โดยจากการที่ตนเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ตนรับรู้เลยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการขัดผลประโยชน์กัน ซึ่งตนเข้ามาเพื่อที่จะดูแลรักษาพระพุทธศาสนา

ทนายอนันต์ชัย ยังได้เล่าที่มาที่ไปของไวยาวัจกรคนดังกล่าวด้วยว่า เดิมเป็นเด็กวัดมาก่อน จากนั้นก็ไปขับแท็กซี่ และก็มาเป็นไวยาวัจกรในการดูแลผลประโยชน์ของวัด โดยเฉพาะบัญชีรายรับ - รายจ่าย ต่อมาระยะหลังก็ด่าทอคนในวัด ทางเจ้าอาวาสก็ได้มีการตักเตือนไปแต่ยังไม่เลิกพฤติกรรม ดังนั้นทางเจ้าอาวาสจึงได้ลดบทบาทในการดูแลผลประโยชน์ของวัดลง จึงได้เกิดปัญหาขึ้นมาและไวยาวัจกรคนดังกล่าว ก็ได้ไปร้องเรียนเจ้าอาวาสวัดสุทธิวรารามที่สำนักพุทธฯ ซึ่งท่านเจ้าอาวาสก็ตกใจมากในเรื่องนี้ จนมีการพูดคุยกันกับไวยาวัจกรคนดังกล่าว

และต่อมาก็มีหนังสือยอมรับว่า ตนเข้าใจผิดเอง จากนั้นยังคงมีการไปร้องเรียนต่อที่ ปปป. และได้มีการสอบสวนอีก ก็ไม่พบความผิด และยังมีการไปร้องเรียนต่อที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีอีก ทั้งนี้ มีการชี้แจงเรื่องการเผาศพไม่หมดและนำไปทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย โดยสัปเหร่ของวัด ยืนยันว่า ตนเผาศพทุกศพ ส่วนที่เอาเถ้ากระดูกบางส่วนไปลอยแม่น้ำนั้นก็เป็นไปตามที่ญาติประสงค์แบบนั้นจริง ซึ่งตนทำตามหน้าที่อย่างแน่นอน 
 

ด้าน พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ชี้แจงในเรื่องนี้ว่า อาตมาเป็นเจ้ามาอาวาสที่วัดแห่งนี้ในปี 2555 และเริ่มทำงานในปี 2556 ซึ่งไวยาวัจกรคนดังกล่าวก็เคยเป็นเด็กวัดให้กับเจ้าอาวาสคนก่อน จากนั้นก็ได้เข้ามาช่วยงานวัด แต่การที่จะเป็นไวยาวัจกรต้องมีจิตสาธารณะ แต่ไวยาวัจกรคนดังกล่าวนี้มาด้วยวัตถุประสงค์อื่นจึงเกิดปัญหาขึ้นมา

โดย พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม กล่าวด้วยว่า อาตมาเชื่อมั่นในเรื่องของการตรวจสอบ และมองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าตรวจสอบแล้วไม่พบความผิดแล้วยังร้องเรียนเรื่อย ๆ ด้วยใจอคติหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้องก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่สมควร 

ทั้งนี้ พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ได้มอบอำนาจให้นายนฤเบศ ปั่นแก้ว เข้าแจ้งความเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังษี ผกก.สน.วัดพระยาไกร และ พ.ต.ท.กฤษณะ จันทร์ประเสริฐ รอง ผกก.สอบสวน สน.วัดพระยาไกร เป็นผู้รับแจ้งความในคดีนี้

เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับนายชาญณรงค์ ไวยาวัจกรคนดังกล่าวกับพวก ในข้อหา “ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน , แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน , แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา , แจ้งข้อความอันเป็นเท็จโดยรู้อยู่แล้วว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น , แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด , แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อจะกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น , หมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา”