svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ลูกชายพ่อค้าหมูปิ้ง ไม่อโหสิกรรมให้-ไม่ต้องมาร่วมงานศพ

26 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ลูกชาย เชิญวิญญาณพ่อแม่ ที่จุดเกิดเหตุรถพุ่งชนทั้งคู่ดับ ไม่เชื่อข้ออ้าง "ดื่มขวดเดียว" ยอมรับยัง โกรธ ไม่ต้องมาร่วมงานศพ ไม่อโหสิกรรม ด้านเจ้าของร้านอาหาร แจง 3 ขวดลูกค้านำมาเอง ออกจากร้านด้วยท่าทางปกติ ส่วนพี่ชายคนขับ แจงอยู่ระหว่างหารือคดี เป็นห่วงน้อง

ภายหลังเกิดเหตุ นายนวชาติ วัย 60 ปี ขับรถแหกโค้งพุ่งชนร้านขายหมูปิ้ง ทำให้สองสามีภรรยา ขายหมูปิ้งดับทั้งคู่ โดยตำรวจให้นายนวชาติ เป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์พบว่าสูงถึง170 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขณะที่คนขับอ้างว่า กินเบียร์เพียงแค่ขวดเดียว แต่เกิดอาการหลับในขณะขับผ่านจุดเกิดเหตุ 

 

ล่าสุดบรรยากาศที่บริเวณ ด้านหน้าบริษัท I see I see อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นจุดที่สองสามีภรรยาเสียชีวิตนั้น ได้มีนายวันเฉลิม โตมา ลูกชายของ นางรำพึง เสือกระจ่าง อายุ 52 ปี และ นายวิสูตร โตมา อายุ 51 ปี ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยญาติๆ ได้เชิญพระสงฆ์มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ขณะที่มีชาวบ้านในที่เกิดเหตุ มา ร่วมพิธีเชิญดวงวิญญาณและต่างพากันให้กำลังใจญาติของผู้เสียชีวิต

ลูกชายพ่อค้าหมูปิ้ง ไม่อโหสิกรรมให้-ไม่ต้องมาร่วมงานศพ

นายวันเฉลิม โตมา อายุ 23 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า  ระหว่างที่พ่อกับแม่ออกมาขายของ ตนนั่งเสียบไก่อยู่ที่บ้าน ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดขายของ แล้วได้ยินเสียงเหมือนรถชนดังมาก จึงออกมาดู ปรากฎว่ามีรถชนตรงจุดที่พ่อแม่ขายของอยู่ ตอนแรกไม่คิดว่าเป็นพ่อกับแม่เลย จึงรีบมาดูบริเวณหน้าร้านเห็นร่างของแม่คาอยู่ที่รถเข็น ส่วนพ่อกระเด็นออกมาจากร้าน ขณะที่คนขับอยู่ในรถ นั่งเหมือนคนเมา คุยไม่รู้เรื่อง

 

นายวันเฉลิม เผยความในใจขณะเห็นสภาพศพของพ่อแม่ว่า ตอนเห็นสภาพพ่อกับแม่แล้วรู้สึกช็อก ทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่มีญาติมาช่วย จึงทำให้ตั้งสติได้ ตอนเกิดเหตุได้แสดงตัวว่า เป็นลูกของคนที่ถูกชน  และพยายามขอให้คนขับเป่าแอลกอฮอล์ในบริเวณที่เกิดเหตุแต่ตำรวจบอกว่าให้ไปเป่าที่สถานีตำรวจ โดยอ้างเหตุว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ทำ ใช้เครื่องเป่าไม่เป็น สุดท้ายใช้เวลากันเป็นชั่วโมง ถึงได้มีการเป่าแอลกอฮอล์ในที่เกิดเหตุ      

"ยอมรับว่ารู้สึกโกรธมาก พ่อแม่ตายสองคน ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้รับคำขอโทษจากคนขับรถเลย มีแต่ผู้หญิงที่นั่งมาด้วย ขอโทษตอนลงจากรถเท่านั้น ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเต็มใจขอโทษหรือเปล่า เพราะดูจากท่าทีแล้ว น่าจะเมากันทั้งคู่ ซึ่งหากดื่มแล้วเมา ก็ไม่น่าจะขับรถ เพราะมันจะเกิดการสูญเสียแบบนี้ ถนนเส้นทางกว้างขนาดนี้ ไม่น่าจะขับมาชนได้ ส่วนที่อีกฝ่ายบอกว่า ดื่มไปแค่ขวดเดียวและหลับในนั้น ไม่เชื่อ เพราะเขาแสดงอาการเมา เป่าแอลกอฮอล์ก็ยังขึ้นอยู่ บอกเลยว่าถ้าหากว่าอีกฝ่ายจะมาร่วมงาน ก็อย่ามาดีกว่า ตอนนี้ยังไม่อโหสิกรรมให้ “ นายวันเฉลิม

ลูกชายพ่อค้าหมูปิ้ง ไม่อโหสิกรรมให้-ไม่ต้องมาร่วมงานศพ

ขณะที่ นางพัชรพร หอมชื่น แม่ค้าขายล็อตเตอรี่ใกล้จุดเกิดเหตุ และมีความสนิทสนมกับสองผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตอนเกิดเหตุนั่งขายล็อตเตอรี่ตรงข้ามกับร้านของผู้เสียชีวิต  เหตุเกิดราวๆ 16.00 น. ตอนนั้นเห็นคุณลุงกับป้า กำลังเตรียมปิ้งหมูปิ้ง สำหรับขายให้ลูกค้าในเย็นซึ่งจะมีพนักงานออกมาเดินหาของกิน 

 

“จังหวะนั้นเห็นรถผู้ก่อเหตุจู่ๆวิ่งมาด้วยความเร็ว ไม่เบรคเลย พุ่งชนร้านหมูปิ้ง  คุณลุงและคุณป้า อัดไปกับประตูเหล็กของตลาดI SEE I SEE  ร่างของลุงกระเด็นออกทางข้าง แต่ร่างคุณป้าถูกชนอัดพาดไปกับเตาปิ้งหมู ต้องช่วยกันดับไฟ กลัวว่าไฟจะไหม้ หลังจากนำร่างออกมาได้แล้ว โทรแจ้งกู้ภัยและตำรวจ” 

 

นางพัชรพร บอกอีกว่า  สภาพรถตอนที่พุ่งชน เห็นว่าล้อรถยังหมุนด้วยความเร็วอยู่เลย ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะคนขับเหยียบคันเร่งอยู่ด้วยหรือไม่  ผู้ก่อเหตุหลังเกิดเหตุยังนั่งอยู่บนรถประมาณ 20 นาที ก่อนจะลงมาเดินวนดูรอบรถ ไม่พูดไม่จา ก่อนจะเดินกลับขึ้นรถและปิดประตู

นางพัชรพร เล่าอีกว่า จากนั้นทางด้านผู้หญิงที่มาด้วยกันได้ลงจากรถและเดินไปซื้อน้ำดื่มและนมมาให้ผู้ก่อเหตุกิน น่าจะให้สร่างเมา เมื่อกู้ภัยตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุลงมานั่งข้างนอก  และให้มีการเป่าแอลกอฮอล์ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมเป่า ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ผู้ก่อเหตุดื่มน้ำ และพยายามจะนำตัวไปที่สน.บางโพงพาง ทั้งๆที่ยังไม่มีการเป่าแอลกอฮอล์ สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านอย่างมากจึงเกิดการรุมประชาทัณฑ์ก่อนที่จะมีการยอมเป่าแอลกอฮอล์ในที่สุด 

 

"คุณลุงคุณป้า เป็นคนนิสัยดีมาก ขายหมูปิ้งมานาน30ปีแล้ว  มีลูกชาย2คน คนเล็กกำลังเรียนอยู่ที่จ.สุโขทัย ส่วนคนโตอยู่ด้วยกันกับคุณลุงคุณป้า และมักจะมาช่วยขายหมู่ปิ้งในช่วงตอนเย็นๆ ซึ่งเมื่อวานปกติลูกชายจะต้องมายืนขายด้วย แต่ลูกชายเดินกลับบ้านเพื่อไปเตรียมเสียบหมูที่บ้านไว้สำหรับเตรียมขาย ทำให้รอดหวุดหวิดจากเหตุสลดครั้งนี้ "

ลูกชายพ่อค้าหมูปิ้ง ไม่อโหสิกรรมให้-ไม่ต้องมาร่วมงานศพ

นอกจากนี้ชาวบ้านยังให้ข้อมูลอีกว่า สถานที่ที่ผู้ก่อเหตุไปนั่งดื่มกินอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง300เมตร  เป็นร้านอาหารตามสั่ง ของนายตำรวจคนหนึ่ง ทำให้คนในพื้นที่ตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นสาเหตุที่เจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุช้าหรือไม่ พร้อมทั้งยังพยายามที่จะนำผู้ก่อเหตุไป สน.บางโพงพาง โดยที่ไม่ได้มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์หรือไม่

 

ขณะที่ทางผู้สื่อข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิด ปรากฎภาพให้เห็นว่ารถของผู้ก่อเหตุเข้ามาจอดที่ร้านดังกล่าวในช่วงเวลา 11.55(เวลาในกล้องเร็วกว่า4นาที) จากนั้นออกไปในช่วงเวลาประมาณ16.40น.

ลูกชายพ่อค้าหมูปิ้ง ไม่อโหสิกรรมให้-ไม่ต้องมาร่วมงานศพ  

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ยังร้านดังกล่าว ชื่อร้าน “ตามอารมณ์” ของ ร.ต.ต.ธนวินท์ เอี่ยมละออ เจ้าหน้าที่จราจร สน.บางโพงพาง  ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ300เมตร เปิดเผยว่า รู้จักกับผู้หญิงที่มากับคนขับ เพราะเคยมานั่งที่ร้านประมาณ 2-3 ครั้งแล้ว  โดยครั้งนี้ได้มากับนายนวชาติ เท่าที่รู้ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน เขามานั่งทานอาหารช่วงประมาณบ่ายโมง ทั้งคู่สั่งกับข้าวเป็นอาหารป่าประมาณ 3-4 อย่าง และได้นำเบียร์มาดื่มที่ร้าน 3 ขวด ซึ่งที่ร้านไม่ได้ จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว แต่ผู้ก่อเหตุซื้อมาจากด้านนอก

 

“ระหว่างที่ดื่มกิน ทั้งคู่ก็ไม่ได้มีท่าทีมึนเมา นั่งทานอาหารพูดคุยกันตามปกติ นั่งทานอยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็กลับ ตอนที่ทั้งคู่กลับก็ดูปกติ ่ไม่ได้เหมือนคนเมา เดินอาการปกติดีทุกอย่าง จึงไม่ได้เอะใจอะไร และไม่ได้ตักเตือน ว่าดื่มแล้วห้ามขับรถ จนกระทั่งได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรชนกัน จึงได้เดินออกไปดูหน้าร้านปรากฏว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จึงขี่จยย.ออกไปดู เมื่อเห็นรถก็ตกใจเพราะเป็นรถของลูกค้าที่เพิ่งขับออกไปไม่กี่นาที จึงรีบเข้าไปถามอาการจากฝ่ายหญิง เขาก็บอกว่า คนขับมีอาการวูบ ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นการหลับใน ไม่ใช่เมาแล้วขับ เพราะว่าเขาดื่มไม่เยอะ”

 

เมื่อถามว่า ถ้าหากดื่มไม่เยอะ ทำไมเวลาวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงถึง 170 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ ทาง ร.ต.ต. ธนวินท์  คาดว่า ทั้งสองคนน่าจะดื่มมาก่อนหน้านี้แล้ว  แต่ไม่ใช่ดื่มจากร้านของตนแน่นอน ตนเป็นตำรวจจราจรอยู่ที่ สน.บางโพงพาง บ้านเปิดขายอาหารตามสั่งมาหลายปี ไม่ได้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจจะมีบ้างที่ลูกค้าซื้อมาเพื่อดื่มเอง 

 

“สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ หลังจากที่ทั้งสองคนทานอาหารและดื่มแอลกอฮอล์เสร็จแล้ว กำลังจะขับรถกลับนั้น ผมก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เพราะไม่ได้สนิทกันมาก ซึ่งหลังจากนี้ผมจะไม่อนุญาตให้ลูกค้านำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มที่ร้านอีกแล้ว ส่วนที่มีการติดใจการทำงานของตำรวจเรื่องตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ทำไมไม่ตรวจในที่เกิดเหตุ ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน” 

 

 

อย่างไรก็ตามทีมข่าวได้ทำการสังเกตุภายในร้านดังกล่าว  พบขวดเบียร์ที่ดื่มหมดแล้ววางอยู่หลายสิบขวด แต่ตำรวจนายดังกล่าวอ้างว่าไม่ได้ขาย เป็นเบียร์ที่ลูกค้าซื้อมากิน และบางส่วนเป็นของส่วนตัวที่ซื้อมาดื่มกินเอง เพราะที่ร้านไม่ได้ขายแอลกอฮอล์ นอกจากนี้จากการสังเกตุยังเห็นว่า ภายในร้านยังมีขวดเหล้าหลายยี่ห้อซึ่งดื่มหมดแล้วเช่นเดียวกันวางทิ้งไว้หลายขวด  ขณะที่ด้านในตู้แช่อาหารพบมีโซดาแช่เย็นอยู่ ข้างตู้แช่ยังพบลังโซดา และลังเบียร์อีกจำนวนหนึ่ง

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจกับญาติผู้เสียชีวิตและยังติดใจกับการทำงานของตำรวจ โดย นางสาวสิรินทิพย์ โตมา อายุ 24 ปี หลานของผู้เสียชีวิต บอกว่า ตอนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังมาก วิ่งออกไปดูเห็นรถชนคุณอาทั้งสองคนแล้ว งจากการสังเกตคนขับรถ อยู่ในอาการเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่มีสติ และมึนงง / ส่วนคนนั่งข้างๆเป็นผู้หญิง ก็พูดจาไม่รู้เรื่องเช่นกัน

 

"ชาวบ้านถามคนขับว่าเมาหรือไม่  เขาพูดแต่เพียงว่า “เบรคแตก” และบอกว่ากินเบียร์มาเพียงขวดเดียวและไม่ตอบคำถามใดๆอีกเลย เขาลงมาจากรถยืนเฉยๆ และกินน้ำกินนมอยู่ข้างๆถนน ทำเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยอมรับว่ายังติดใจกับการทำงานของตำรวจ เพราะมาถึงที่เกิดเหตุช้ามากเป็นชั่วโมง สงสัยว่าเอื้อผลประโยชน์ให้คนขับหรือไม่ เพราะไม่รีบวัดแอลกอฮอล์ทันที มีการประวิงเวลา " 

 

นางสาวสิรินทิพย์บอกอีกว่า วันนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับทางตำรวจในส่วนของคดีความเลย และยังไม่ทราบว่าเขาถูกแจ้งข้อหาอะไรบ้าง มีเพียงทนายความของฝั่งเขาติดต่อมาคุยเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานศพ / ส่วนเรื่องรับผิดชอบในเรื่องอื่นๆ ยังไม่มีการพูดถึง ประกอบกับที่สำคัญยังไม่มีคำขอโทษมาจากปากของเจ้าตัวที่ก่อเหตุเลย

 

“ครอบครัวไม่มีใครพอใจและโกรธมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงการกระทำของผู้ก่อเหตุ เพราะเท่าที่ทราบทั้งคู่ดื่มเบียร์กันตั้งแต่เที่ยงอยู่ร้านอาหารป่าแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร และยังปลอมชื่อตัวเองด้วย”

***ปล่อยเสียง สิรินทิพย์ โตมา หลานของผู้เสียชีวิต***

 

ต่อมาทีมข่าวได้ต่อสายไปยังเบอร์ของนายนวชาติ โดยมีพี่ชายเป็นผู้รับสาย และพูดเพียงสั้นๆว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะหลังเกิดเหตุน้องชายได้นำโทรศัพท์มาฝากไว้ให้ แต่ยังไม่ได้ทันได้คุยอะไรกันเลย 

 

“ส่วนเรื่องทางคดีความการประกันตัว และเรื่องเยียวยา ขอคุยกันในครอบครัวก่อน เพราะยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้มาก ประกอบกับตอนนี้ต่างคนต่างทำงาน พร้อมยอมรับว่าตอนนี้มีความเป็นห่วงน้องชาย” 

 

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปยังบ้านของผู้ก่อเหตุ ตามสำเนาทะเบียนบ้าน ย่านพระราม 3 ซึ่งพบว่าเป็นหมู่บ้านโครงการหรูพื้นที่ใหญ่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตร  ขณะที่ลงพื้นที่นั้น ได้สอบถามทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านหน้าหมู่บ้าน ซึ่งให้ข้อมูลว่า บ้านเลขที่ตามที่ระบุในสำเนาทะเบียนบ้าน อยู่ภายในหมู่บ้านนี้ แต่หากไม่ได้นัดหมายไว้ก่อน จะไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ เพราะเจ้าของบ้านไม่อนุญาต

logoline